นราธิวาส - ยังไม่มีคำสั่งปิดอ่าว ห้ามจับปลาในช่วงฤดูปลาวางไข่ แต่ลมมรสุมในทะเลอ่าวไทย ได้พัดพาเม็ดทรายมาปิดปากอ่าวแม่น้ำบางนรา ส่งผลให้เรือประมงกว่า 500 ลำ ออกทะเลไม่ได้มานานกว่า 2 เดือนแล้ว ด้านแม่ค้าขายปลาสดเดือดร้อนหนักเพราะต้องขนปลาจาก จ.ปัตตานี เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
วันนี้ (15 ก.พ.) นายมะสูยี สะมะแอ รองประธานชุมชนชายทะเล เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดนราธิวาสยังไม่ได้ออกคำสั่งปิดอ่าวห้ามชาวประมงออกทะเลจับปลาในช่วงฤดูปลาวางไข่ ซึ่งในช่วงหน้านี้ของทุกปี ในท้องทะเลฝั่งอ่าวไทยได้เกิดลมมรสุมขึ้นอย่างต่อเนื่อง คลื่นสูง 2-4 เมตร พัดพาเม็ดทรายจำนวนมากมาปิดกั้น จนเกิดเป็นสันทรายขนาดใหญ่ขึ้นมาขวางกั้น และปิดปากร่องแม่น้ำบางนรา ทำให้เรือประมงชายฝั่งที่จอดในแม่น้ำบางนรา ประมาณ 500 ลำ ไม่สามารถฝ่าสันดอนทรายออกไปทำการประมงได้มานานกว่า 2 เดือนแล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา นายแวยาโก๊ะ บือราเฮง อายุ 40 ปี ชาวประมงรายหนึ่ง ได้พยายามนำเรือฝ่าลมมรสุม เพื่อออกไปทำประมง แต่ท้องเรือเกิดไปติดสันดอนทรายดังกล่าวจมเสียหายไป 1 ลำ
นายมะสูยี สะมะแอ กล่าวอีกด้วยว่า ขณะนี้เจ้าของเรือประมงส่วนใหญ่ได้พากันทำการซ่อมแซมเรือประมง และซ่อมอวนที่ชำรุด เพื่อรอให้หมดหน้าลมมรสุม เพื่อจะได้ออกทำการประมงอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นางอัสมะ ยูโซ๊ะ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 37/1 ถนนพิชิตบำรุง เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส แม่ค้าขายปลาสดในตลาดสดเทศบาลเมืองนราธิวาสรายหนึ่ง กล่าวว่า หลังจากเรือประมงชายฝั่งใน จ.นราธิวาส ไม่สามารถออกทะเลได้แล้ว กลุ่มแม่ค้าขายปลาในตลาดเทศบาลเมืองนราธิวาสประมาณ 25 ราย ได้แก้ปัญหาด้วยการหาซื้ออาหารทะเลสดจาก จ.ปัตตานี และ จ.ภูเก็ต มาขายแทน ทำให้ต้องขายปลาในราคาที่สูงขึ้นจากเดิม
ประกอบกับกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งเป็นแม่ค้ารายย่อย ที่นำปลาไปเร่ขายในหมู่บ้านตามชนบทต่างหวาดกลัวภัยอันตรายจากเหตุความไม่สงบกัน จนไม่กล้านำสินค้าใส่รถซาเล้งและรถยนต์ออกไปเร่ขายกันตามหมู่บ้านชนบทกันอีกด้วย จึงทำให้ขายอาหารทะเลสดได้เพียงเล็กน้อยต่อวันเท่านั้นกลุ่มแม่ค้าส่วนใหญ่จึงได้พากันเลิกกิจการกันไป ปัจจุบันเหลือเพียง 4 รายเท่านั้น