ยะลา - นักเรียนยะลาร่วมจัดกิจกรรมการแสดงยอวาทีในหัวข้อเรื่องสามัคคีประเทศไทย โดยให้ทุกภาคส่วนมีความสามัคคี สามารถช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐต้องเน้นหนุนการศึกษาให้เยาวชนรู้ทันโจร หลังมีการปล้นปืนในกองร้อยทหารที่นราธิวาส
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา ได้จัดโครงการเสริมสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ กิจกรรมยอวาที สามัคคีประเทศไทย มีนักเรียนในชั้นมัธยมปลาย จำนวน 150 คน เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงยอวาทีในหัวข้อเรื่องสามัคคีประเทศไทย ซึ่งนักเรียนได้นำประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเด็นหลักในการแสดงยอวาทีบนเวที
นายชิติพัทธ์ แพทธยา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนคณะราษฎรบำรุงยะลา กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จังหวัดยะลาเคยมีความสงบสุขมาเป็นเวลายาวนาน พึงจะมีเหตุร้ายวุ่นวายมาในปี 2547 เป็นต้นมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่ามาจากความไม่เข้าใจกัน ไม่มีความรัก ความสามัคคีของคนในพื้นที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้แต่มองและภาวนาให้เหตุการณ์สงบกลับสู่ปกติโดยเร็ว เพราะไม่มีปัญญาที่จะเข้าไปช่วยเหลือ จึงขอให้รัฐบาลมาดูแลประชาชนโดยเฉพาะเรื่องให้การศึกษา เพื่อให้เยาวชนได้รู้ทันกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้
“การก่อเหตุปล้นปืนในกองร้อยทหารที่นราธิวาส เท่าที่ทราบข่าวรู้สึกเศร้าสลดใจมาก โดยเฉพาะการสูญเสียนายทหารไป ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีการสูญเสียไปหลายคนแล้ว ทั้งผู้กองกฤช ผู้กองแคน หมวดตี้ เป็นต้น ดังนั้น ตนในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งอยากจะเป็นตำรวจ เพื่อมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาได้ และอยากลงไปอยู่ในพื้นที่บันนังสตา หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีความห่างไกล เพื่อให้เกิดความสงบสุขต่อไป” นายชิติพัทธ์กล่าว
ในขณะนักเรียนหลายๆ คนบอกว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ความไม่สงบ เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เยาวชนเองก็ควรที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วย
ด้าน น.ส.นฤมล ยามาเร็ง นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 กล่าวว่า เหตุการณ์ในภาคใต้เป็นสถานการณ์ที่สำคัญเพราะมีปัญหารื้อรังมานานแล้ว ถึงแม้ว่ารัฐบาลได้ส่งกำลังทหารเข้ามามากก็ตาม โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลยังมีสถานการณ์ที่รุนแรงอยู่ ในขณะประชาชนเริ่มจะชินชากับเหตุการณ์สามารถปรับตัวได้ มีความกล้าที่จะออกไปนอกบ้านบ้าง แต่ถือว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ การแก้ปัญหานั้นมีอยู่ตัวเลือกอยู่แล้ว เพียงว่าขณะนี้เราต้องรูว่าคนก่อเหตุคือใคร เขาต้องการอะไรกันแน่
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องสืบหาให้ได้ก่อน แล้วมาส่งเสริมการศึกษาให้เยาวชนมีความรู้ รู้จักคิด เพราะที่ผ่านมารับทราบว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มักจะใช้เยาวชนเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุ หากมีการศึกษา เด็กจะสามารถรู้และวิเคราะห์ได้ว่าอันไหนถูกอันไหนผิด ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเอง ต้องหันกลับมาดูศักยภาพของกำลังของตัวเองมีความพร้อมมากน้อยเพียงใดเพราะว่าที่ผ่านมา ทางกลุ่มผู้ความไม่สงบที่ก่อเหตุ ได้พัฒนาขีดความสามารถเหนือกว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องมีการพัฒนาศักยภาพให้เหนือกว่ากลุ่มผู้ความไม่สงบด้วย