ภูเก็ต - นักท่องเที่ยวแห่เดินทางไปดำน้ำฝั่งอันดามัน แม้กรมอุทยานจะประกาศปิดแหล่งน้ำบางแห่ง แต่ทางด้านผู้ประกอบการ แจงยังไม่มีการยกเลิกการเดินทางของนักท่องเที่ยว ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยวก่อนจะเสียหายระยะยาว
วันนี้ (22 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลของนักท่องเที่ยวที่บริเวณบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นท่าเรือท่องเที่ยวนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ บริเวณอ่าวพังงา และเกาะพีพี รวมทั้งอุทยานแห่งชาติเกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ และแหล่งท่องเที่ยวเกาะแก่งในภูเก็ตยังคงคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่จองตั๋วเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งในทะเลฝั่งอันดามัน แม้ว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีมาตรการปิดจุดดำน้ำที่มีปะการังเสียหายจากการฟอกขาว ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน จำนวนหลายจุด เช่น อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตนารา เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันในจังหวัดพังงา
ทั้งนี้ จากการสอบถามหัวหน้าไกด์เรือท่องเที่ยว พีพีครุยเซอร์ ที่จะนำนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวยังเกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า การปิดแหล่งดำน้ำที่มีปะการังเสียหายนั้น ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปพักผ่อนตามเกาะของนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย โดยปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ในฝั่งอันดามันตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา ถือว่ายังดีอยู่ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 90% แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2,000 คน ปลายทางส่วนใหญ่จะอยู่ที่เกาะพีพี เกาะลันตา เกาะหลีเป๊ะ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูอีกสักระยะหนึ่งว่าผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไปหรือไม่ เพราะเพิ่งประกาศเป็น 2 วัน จึงยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน
ขณะที่ ผู้ประกอบการดำน้ำลึก ที่เกาะสิมิลันและหมู่เกาะสุรินทร์ รายหนึ่ง กล่าวว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่จองทัวร์ไปดำน้ำที่หมู่เกาะสุรินทร์ และหมู่เกาะสิมิลัน ในจังหวัดพังงา ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก แต่เชื่อว่าในระยะยาวมาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวดำน้ำอย่างแน่นอน เนื่องจากการให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนของพื้นที่ปะการังโดยข่าวที่สื่อออกไปนั้นบอกว่าปะการังอันดามันมีความเสียหาย กว่า 80 % แต่ไม่มีการระบุจุดให้ชัดเจนอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิด เพราะข่าวกระจายไปทั่วโลก
ในฐานะที่ประกอบอาชีพนำนักท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังพบว่าปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวมีเฉพาะแหล่งดำน้ำตื้นซึ่งอุณหภูมิสูงเท่านั้น แต่ไม่มีในผลกระทบในปะการังน้ำลึกที่อุณหภูมิประมาณ 24- 26 องศาเซลเซียส และปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นกับปะการังทั่วโลก ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องควรเร่งให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และททท.ต้องเร่งสร้างความเข้าใจต่อตลาดดำน้ำที่จะมาท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่ยังไม่จองทัวร์ อาจจะตัดสินใจเปลี่ยนจุดหมายปลายสถานที่ดำน้ำที่ไม่ใช้ในประเทศไทย
วันนี้ (22 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลของนักท่องเที่ยวที่บริเวณบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นท่าเรือท่องเที่ยวนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ บริเวณอ่าวพังงา และเกาะพีพี รวมทั้งอุทยานแห่งชาติเกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ และแหล่งท่องเที่ยวเกาะแก่งในภูเก็ตยังคงคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่จองตั๋วเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งในทะเลฝั่งอันดามัน แม้ว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีมาตรการปิดจุดดำน้ำที่มีปะการังเสียหายจากการฟอกขาว ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน จำนวนหลายจุด เช่น อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตนารา เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันในจังหวัดพังงา
ทั้งนี้ จากการสอบถามหัวหน้าไกด์เรือท่องเที่ยว พีพีครุยเซอร์ ที่จะนำนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวยังเกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า การปิดแหล่งดำน้ำที่มีปะการังเสียหายนั้น ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปพักผ่อนตามเกาะของนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย โดยปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ในฝั่งอันดามันตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา ถือว่ายังดีอยู่ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 90% แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2,000 คน ปลายทางส่วนใหญ่จะอยู่ที่เกาะพีพี เกาะลันตา เกาะหลีเป๊ะ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูอีกสักระยะหนึ่งว่าผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไปหรือไม่ เพราะเพิ่งประกาศเป็น 2 วัน จึงยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน
ขณะที่ ผู้ประกอบการดำน้ำลึก ที่เกาะสิมิลันและหมู่เกาะสุรินทร์ รายหนึ่ง กล่าวว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่จองทัวร์ไปดำน้ำที่หมู่เกาะสุรินทร์ และหมู่เกาะสิมิลัน ในจังหวัดพังงา ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก แต่เชื่อว่าในระยะยาวมาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวดำน้ำอย่างแน่นอน เนื่องจากการให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนของพื้นที่ปะการังโดยข่าวที่สื่อออกไปนั้นบอกว่าปะการังอันดามันมีความเสียหาย กว่า 80 % แต่ไม่มีการระบุจุดให้ชัดเจนอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิด เพราะข่าวกระจายไปทั่วโลก
ในฐานะที่ประกอบอาชีพนำนักท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังพบว่าปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวมีเฉพาะแหล่งดำน้ำตื้นซึ่งอุณหภูมิสูงเท่านั้น แต่ไม่มีในผลกระทบในปะการังน้ำลึกที่อุณหภูมิประมาณ 24- 26 องศาเซลเซียส และปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นกับปะการังทั่วโลก ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องควรเร่งให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และททท.ต้องเร่งสร้างความเข้าใจต่อตลาดดำน้ำที่จะมาท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่ยังไม่จองทัวร์ อาจจะตัดสินใจเปลี่ยนจุดหมายปลายสถานที่ดำน้ำที่ไม่ใช้ในประเทศไทย
