ยะลา - ผู้นำทางศาสนาจังหวัดยะลาชี้รัฐบาลจะต้องให้ความกระจ่าง ในกรณีคนร้ายขโมยเครื่องกระสุนปืนสงครามไปจากค่ายอภัยบริรักษ์ จ.พัทลุง และอยากเห็นอาวุธที่สามารถยึดคืนกลับมาได้
จากกรณีที่ได้มีกลุ่มคนร้ายได้งัดคลังแสงที่กองพันทหารช่าง ที่ 401 ค่ายอภัยบริรักษ์ จ.พัทลุง และได้ขโมยเครื่องกระสุนปืนสงครามชนิด เอชเค, เอ็ม 16 จำนวน 2,000 นัด กระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 1,000 และระเบิดมือสังหารชนิด เอ็ม 26 และ เอ็ม 67 จำนวน 20 ลูก ไปเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 3 มี.ค.53
กองทัพภาคที่ 4 ได้พยายามเร่งรัด และติดตามมาโดยตลอด ตามคำสั่งของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งภายหลังจากที่ได้ทราบว่าเครื่องกระสุนปืนหลายชนิด ได้หายไปจากคลังแสง ก็ได้มีการติดตาม และสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ทหาร และกำลังพลที่ได้อยู่เวรยามในคืนนั้นทั้งหมด และได้ตั้งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 10 นาย ที่อยู่เวรยามในคืนนั้น และเป็นทหารที่มาจากพื้นที่ จ.ปัตตานี
โดยให้เจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำการสืบสวนสอบสวน ปรากฏว่าทหารทั้งหมดได้ให้การรับสารภาพ และได้นำอาวุธและเครื่องกระสุนต่างๆ คืนมา ซึ่งส่วนหนึ่งได้นำไปฝั่งไว้ภายในค่ายอภัยบริรักษ์ ส่วนหนึ่งก็ไปฝั่งไว้ในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี และในพื้นที่ อ.ตากใบ จ. นราธิวาส
หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ออกมาเปิดเผยว่า ทหารที่ขโมยอาวุธสงครามไปนั้น มีการติดต่อซื้อขายเครื่องกระสุนกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่อยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อนำไปก่อเหตุร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจากการขยายผลก็ปรากฏว่าพลทหารทั้ง 10 นาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังเคยเข้าร่วมขบวนการมาแล้วอีกด้วย
ล่าสุดวันนี้ (21 มี.ค.) นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดยะลา อดีต รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสนใจของคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะของการสูญหายของอาวุธอาจจะเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์อื่นๆ อาจจะมีส่วนเกี่ยวกับการก่อม็อบของกลุ่มสีในพื้นที่จังหวัดทางภาคกลาง ก็มีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นจากการที่กองทัพภาคที่ 4 ได้แจ้งออกมาอย่างไม่ชัดเจน ว่าการควบคุมตัวทหารเหล่านั้น ซึ่งบันดาทหารเหล่านั้น เป็นลูกที่ของชาวจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สิ่งที่ประชาชนไม่สบายใจ คือ เหตุการณ์ทั้งหมด และความชัดเจนต่างๆ ว่าจำนวน บุคคลที่ถูกควบคุมตัวเหล่านั้น เป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มก่อการร้ายเพียงใดหรือไม่ สถานภาพของการอยู่ในกลุ่ม มีความชัดเจนหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะต้องเร่งทำการชี้แจงอย่างละเอียด และที่บอกว่า สามารถยึดกลับมาได้นั้น สิ่งของเหล่านั้นอยู่ที่ไหน อยากจะเห็นภาพตอนที่มีการตรวจยึด ส่วนการดำเนินการเอาความผิดต่อผู้ที่ก่อเหตุนั้น หากมีความผิดจริงก็ต้องมีการลงโทษให้ถึงที่สุด
