ตรัง - ชาวบ้านตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เข้าแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาผิดต่อนายทุน หลังจากที่มีการถมดินและปักเสาเข็มรุกล้ำลงไปในคลองสาธารณะพรุชี
จากกรณีที่ นายประมวล บัวเลิศ นายกเทศมนตรีตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ ขวัญดี สมาชิกสภาเทศบาล ตำบลโคกหล่อ และนายประสิทธิ์ ขวัญนิมิตร กำนันตำบลโคกหล่อ และชาวบ้านในพื้นที่ตำบลโคกหล่อ จำนวนกว่า 50 คน ได้เดินทางมารวมตัวประท้วงกันที่บริเวณหน้าร้านทองเยาวราช สาขาหน้าห้างโลตัส จังหวัดตรัง ริมถนนสายตรัง-ย่านตาขาว หลังจากที่มีนายทุนรายหนึ่งได้ถมดินและปักเสาเข็มรุกล้ำลงไปในคลองสาธารณะพรุชี
ต่อมานายทุนรายดังกล่าวก็ออกมาชี้แจงว่า ได้ทำการเช่าที่ดินต่อมาจากเจ้าของที่ดินอีกรายหนึ่ง ซึ่งเจ้าของที่ดินยืนยันว่า ที่ดินตรงบริเวณนี้เป็นสิทธิของเขา และสามารถทำการก่อสร้างได้อย่างถูกกฎหมาย โดยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในคลองสาธารณะแต่อย่างใด หลังจากนั้นเทศบาลตำบลโคกหล่อจึงได้สั่งให้ระงับการก่อสร้างไว้ก่อน เพื่อทำการตรวจสอบหลักเขตให้ชัดเจนอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าล่าสุดนายทุนดังกล่าวได้ทำการถมดินทางด้านหลังคลองสาธารณะพรุชีอีกครั้ง
ล่าสุด วันนี้ (16 มี.ค.) นายประมวล บัวเลิศ นายกเทศมนตรีตำบลโคกหล่อ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ ขวัญดี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลโคกหล่อ ได้เดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อนายทุนรายดังกล่าวต่อไปตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนั้น พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.เมืองตรัง ก็ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งเดินทางเข้าไปตรวจสอบยังจุดที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ พบว่า มีรถแบ็กโฮจำนวน 1 คัน กำลังทำการถมดินอยู่ติดกับคลองสาธารณะพรุชีจริง ดังนั้น พ.ต.ท.ภูมิ จึงขอให้นายทุนดังกล่าวหยุดการก่อสร้างเอาไว้ก่อน เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินจังหวัดตรัง เดินทางมาตรวจสอบหลักเขตที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่มีการท้วงมาจากทางเทศบาลตำบลโคกหล่อว่ามีการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่คลองสาธารณะ อย่างไรก็ตาม นายทุนดังกล่าวก็ได้ยินยอมหยุดการก่อสร้างเอาไว้ชั่วคราว และนำรถนำแบ็กโฮออกไปจากพื้นที่แล้วตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายพิเชษฐ์ ขวัญดี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลโคกหล่อ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ทางนายทุนดังกล่าวได้โทรศัพท์มาหาเพื่อขอเจรจา แต่ตนบอกปฏิเสธไป และขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจสอบความถูกต้องต่อไป เพราะเคยเจรจากันมาหลายรอบ แล้วก็ไม่เคยเป็นผล จึงให้กฎหมายดำเนินการดีกว่า เพราะตนอยากให้ลูกหลานชาวตำบลโคกหล่อ สามารถดำรงชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องไปคอยกังวลว่าน้ำจะท่วมเมื่อฝนตกหนัก
