ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ภูเก็ตเสริมกำลังอาสาสมัครให้ความรู้ผู้ประกอบการในพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์โดยเฉพาะช่องการเคลื่อนไหวทางการเมือง ขณะที่ ตร.ภาค 8 ชี้ทุกพื้นที่ดูแลความปลอดภัยเข้มเมืองท่องเที่ยว สนามบิน เน้นตั้งด่านตรวจอาวุธและสิ่งผิดกฏหมาย
วันนี้ (11 มี.ค ) พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมการแจ้งข่าวอาชญากรรมให้กับผู้ประกอบการต่างๆ เช่นผู้ประกอบการรถเช่า ชายหาด สถานบันเทิง ร้านค้า โรงแรม จักรยานยนต์ รับจ้างฯ ในพื้นที่ หาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ผู้ประกอบการต่างๆ ช่วยเหลือทางราชการในการดูแลพื้นป้องกันการก่อความไม่สงบในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว ปัญหาอาชญากรรม ที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะอาจจะมีมือที่สามมาสร้างสถานการณ์ขึ้นในพื้นที่ โดยจัดขึ้นที่ห้องประชุมโรงพยาบาลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตว่า เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และยังมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ฉะนั้น ในการดูแลรักษาความปลอดภัย ต้องให้ผู้ประกอบการต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ช่วยเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแสต่างๆ ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันเหตุก่อนที่จะเกิดเหตุ
โดยวันนี้ได้ชี้แจงขั้นตอนการสังเกตุบุคคล สังเกตวัตถุต้องสงสัย วิธีการเแจ้งเหตุร้ายต่างๆ ว่าจะต้องแจ้งผ่านช่องทางไหนเป็นต้น รวมทั้งได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจาก ตชด.42 อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชว่าแจ้ง สาธิตอุปกรณ์ และชนิดของระเบิดต่างๆ ที่คนร้ายมักจะนำมาก่อสาเหตุให้ผู้ประกอบการได้รับทราบ เพื่อให้ผู้ประกอบการจะได้สังเกตได้
พล.ต.ท.พิทักษ์ กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเพิ่มความในการตรวจตราในพื้นที่ต่างๆ ตามแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญๆ แล้ว สิ่งที่จำเป็นคือความรวมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ ที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันเหตุต่างๆ ในประชาชนและนักท่องเที่ยว เพราะหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น
ส่วนสถานการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่นั้นไม่หนักใจเพราะในภาคใต้มีกลุ่มเสื้อแดงไม่มากนัก ฉะนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วงแต่ไม่ประมาทได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่เพิ่มกำลังในทุกพื้นที่เพื่อดูแลความสงบและป้องกันมือที่สามจะมาสร้างสถานการณ์ตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ และสนามบินทุกจังหวัด
สำหรับในพื้นที่รับผิดชอบ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ก่อนหน้านี้ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดทำการฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมของกองร้อยควบคุมฝูงชนจังหวัดละ 2 กองร้อย เพื่อรับมือหากเกิดเหตุการณ์ความผิดปกติขึ้น แต่จากการติดตามทางด้านการข่าวไม่พบการรวมตัวชุมนุมในพื้นที่แต่อย่างใด แม้จะมีการเคลื่อนไหวบ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อยมาก และในส่วนของแกนนำชุมนุมต่างออกมายืนยันว่าจะมีการรวมตัวกันและเรียกร้องอย่างสันติ ไม่มีอาวุธหรือความรุนแรงแต่อย่างใด ซึ่งก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้น
ส่วนการเดินทางไปรวมตัวกันที่ส่วนกลางนั้นได้เน้นให้มีการตรวจสอบในเรื่องของการพกพาอาวุธเป็นหลัก รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการทำผิดกฎหมาย ส่วนกรณีการเดินทางปกติของผู้ที่จะไปรวมตัวกับมวลชนที่กรุงเทพมหานครนั้นเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย ไม่ได้มีการสกัดกั้นแต่อย่างใด ยกเว้นว่าหากมีการพกพาอาวุธ ก็ต้องมีการดำเนินกันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะที่ การตั้งด่านนั้นไม่ใช่เป็นด่านสกัดไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงเดินทาง เพราะการเดินทางไปเราคงห้ามไม่ได้และไม่คิดที่จะสกัดกั้นการเดินทาง แต่จำเป็นที่จะต้องทำการตรวจค้นเพื่อไม่ให้ผู้ที่คิดร้ายหรือมือที่ 3 นำอาวุธขึ้นไปก่อเหตุร้ายหรือนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปในที่ชุมนุมเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 8 พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางของคนเสื้อแดง สำหรับด่านตรวจจะตั้งทุกจังหวัดจังหวัดละ 1 จุด แต่จุดใหญ่จะอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร เป็นหลัก
