นครศรีธรรมราช - "วิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล คาดสุดท้ายแดงป่วนฝ่อ เชื่อว่ากระแสสังคมส่วนใหญ่จะยอมรับ พร้อมงัดมาตรการเด็ดขาดคุม สส.ปชป.เข้ม-ไม่เข้าร่วมประชุม ไม่ส่งลงสมัคร เพราะเท่ากับไม่ทำหน้าที่ ที่ประชาชนมอบหมายมา
วันนี้ (21 ก.พ.) นายวิทยา แก้วภราดัย สส.นครศรีธรรมราช ประธานวิปรัฐบาลกล่าวถึงการเตรียมรับมือสถานการณ์ก่อนวันติดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังเตรียมดำเนินการรับมือ โดยใช้กรอบของกฎหมายเป็นที่ตั้ง แต่คาดว่าสถานการณ์อาจจะเกิดขึ้นหลัง 26 ก.พ. ไม่ว่าศาลตัดสินออกมาอย่างไร เชื่อว่ากระแสสังคมส่วนใหญ่จะยอมรับ ฝ่ายใดก็ตามที่จะมาเคลื่อนไหวนั้นจะดำเนินการได้อย่างยากลำบาก อย่าลืมว่าขณะนี้สังคมส่วนใหญ่ไม่มีทางออกท้ายสุดจะนำไปสู่การเรียกร้องแก้ปัญหาความวุ่นวายโดยรัฐ ซึ่งรัฐบาลเองก็มีความชัดเจน ในเรื่องของการดำเนินการตามกรอบกฎหมายอยู่แล้วให้ดำเนินการอย่างจริงจัง
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล ยังกล่าวถึงการควบคุม ส.ส.ในการเข้าประชุมสภานั้นได้มีการตามติดอย่างใกล้ชิดกับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทุกคน มีชื่ออยู่ทั้งหมด ใครที่เข้าประชุม ใครที่ไม่เข้าประชุม ส.ส.ที่รับหน้าที่ควบคุมเสียงนั้นมีการรายงานเสียงทุกครั้งก่อนมีการโหวตลงมติ
“ปัญหาที่พบคือ สส.ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมออกไปข้างนอก บางรายเดินทางกลับต่างจังหวัดในช่วงบ่ายเพื่อลงพื้นที่ทำกิจกรรม ซึ่งได้ขอร้องไปแล้วว่าในช่วงของการประชุมนั้นขอให้งดภารกิจทุกอย่าง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เช่นตัวเองหรือญาติเจ็บไข้ได้ป่วย หรือการรับงานกิจกรรมต่างๆ นั้นขอให้งดรับในช่วงการประชุม
ในส่วนของมาตรการติดตามดูแลในแต่ละพรรคนั้น ได้ขอให้ผู้รับผิดชอบของแต่ละพรรคไปคิดหามาตรการในการแก้ไขปัญหาแล้วขอให้เสนอมา ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นได้มอบให้กับประธาน สส.ดำเนินการ และให้อยู่ในอำนาจของประธาน สส.ซึ่งถ้า สส.รายใดในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ มาตรการขั้นต่อไปคือการนำเสนอพิจารณาไม่ส่งลงสมัคร ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น สส.เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ ที่ประชาชนมอบหมายมา อย่างไรก็ตามในเวลานี้ยังไม่ได้มีการขึ้นบัญชี ส.ส.รายใดไว้ กำลังให้เวลาทุกคนปรับตัว” ประธานวิปรัฐบาลกล่าว
วันนี้ (21 ก.พ.) นายวิทยา แก้วภราดัย สส.นครศรีธรรมราช ประธานวิปรัฐบาลกล่าวถึงการเตรียมรับมือสถานการณ์ก่อนวันติดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังเตรียมดำเนินการรับมือ โดยใช้กรอบของกฎหมายเป็นที่ตั้ง แต่คาดว่าสถานการณ์อาจจะเกิดขึ้นหลัง 26 ก.พ. ไม่ว่าศาลตัดสินออกมาอย่างไร เชื่อว่ากระแสสังคมส่วนใหญ่จะยอมรับ ฝ่ายใดก็ตามที่จะมาเคลื่อนไหวนั้นจะดำเนินการได้อย่างยากลำบาก อย่าลืมว่าขณะนี้สังคมส่วนใหญ่ไม่มีทางออกท้ายสุดจะนำไปสู่การเรียกร้องแก้ปัญหาความวุ่นวายโดยรัฐ ซึ่งรัฐบาลเองก็มีความชัดเจน ในเรื่องของการดำเนินการตามกรอบกฎหมายอยู่แล้วให้ดำเนินการอย่างจริงจัง
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล ยังกล่าวถึงการควบคุม ส.ส.ในการเข้าประชุมสภานั้นได้มีการตามติดอย่างใกล้ชิดกับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทุกคน มีชื่ออยู่ทั้งหมด ใครที่เข้าประชุม ใครที่ไม่เข้าประชุม ส.ส.ที่รับหน้าที่ควบคุมเสียงนั้นมีการรายงานเสียงทุกครั้งก่อนมีการโหวตลงมติ
“ปัญหาที่พบคือ สส.ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมออกไปข้างนอก บางรายเดินทางกลับต่างจังหวัดในช่วงบ่ายเพื่อลงพื้นที่ทำกิจกรรม ซึ่งได้ขอร้องไปแล้วว่าในช่วงของการประชุมนั้นขอให้งดภารกิจทุกอย่าง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เช่นตัวเองหรือญาติเจ็บไข้ได้ป่วย หรือการรับงานกิจกรรมต่างๆ นั้นขอให้งดรับในช่วงการประชุม
ในส่วนของมาตรการติดตามดูแลในแต่ละพรรคนั้น ได้ขอให้ผู้รับผิดชอบของแต่ละพรรคไปคิดหามาตรการในการแก้ไขปัญหาแล้วขอให้เสนอมา ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นได้มอบให้กับประธาน สส.ดำเนินการ และให้อยู่ในอำนาจของประธาน สส.ซึ่งถ้า สส.รายใดในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ มาตรการขั้นต่อไปคือการนำเสนอพิจารณาไม่ส่งลงสมัคร ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น สส.เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ ที่ประชาชนมอบหมายมา อย่างไรก็ตามในเวลานี้ยังไม่ได้มีการขึ้นบัญชี ส.ส.รายใดไว้ กำลังให้เวลาทุกคนปรับตัว” ประธานวิปรัฐบาลกล่าว