xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำศาสนาห่วงใช้ ‘หมา’ แทน ‘ไม้ล้างป่าช้า’ โหมไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ผู้นำศาสนาเตือนแนวโน้มปัดฝุ่นนำสุนัขทหารลงพื้นที่ต้องรู้และปฏิบัติตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด หวั่นกลายเป็นเงื่อนไขและจุดชนวนความขัดแย้งใหม่ ขณะที่การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยใน 3 จชต.ยังคงใช้ไม้ล้างป่าช้าพิทักษ์ชีวิตผู้บริสุทธิ์ ด้าน อส.เริ่มต่อต้านหันมาใช้ไม้ตะเกียบตรวจระเบิดในถังน้ำมัน จยย.แทนเพราะเสี่ยงเท่ากัน

หลังผลการทดสอบเครื่อง จีที 200 มีประสิทธิภาพไม่ต่างจากการสุ่มตรวจ ต่างจากการใช้สุนัขซึ่งให้ความแม่นยำกว่า ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งยุติการจัดซื้อโดยเด็ดขาด ส่งผลให้การปฏิบัติงานด้วยเครื่องดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ระส่ำระสาย และบางส่วนจำต้องใช้ต่อไปเพราะยังไม่มีคำสั่งยกเลิกจากผู้บังคับบัญชา ขณะที่ก่อนหน้านี้ พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร สั่งนำชุดสุนัขสงครามเข้าประจำการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 30 ตัว เพื่อให้ปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ชุดผู้บังคับหมู่สุนัขทหาร เพื่อเป็นการเสริมกำลังช่วยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน

เตือนใช้สุนัขต้องรู้หลักศาสนา

นายนิมิง นิมูดอ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดกลางจังหวัดยะลา(อีหม่าม) กล่าวถึงกรณีที่ทหารจะนำสุนัขทหารมาใช้ทดแทนเครื่องจีที 200 หลังจากมีปัญหาในประสิทธิภาพของการใช้งาน ว่า ตามหลักศาสนาอิสลาม การใช้สุนัขมาเป็นสุนัขรับใช้ หรือสุนัขการใช้งานนั้นใช้ได้ ดังเช่นในประเทศมาเลเซียก็มีการใช้สุนัขสงครามหรือสุนัขใช้งานด้วย

แต่ต้องอยู่ในกรอบของหลักการอิสลามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะคนที่ใช้สุนัขต้องเป็นผู้ที่รอบรู้ในกฎหมายหรือหลักการอิสลามเป็นอย่างดี และต้องระมัดระวัง เช่น กรณีสุนัขที่ต้องขึ้นไปตรวจค้นบนบ้าน หากสุนัขเปียกน้ำหรือสุนัขไปคาบ-กัดสิ่งของของชาวบ้าน ในหลักการอิสลามถือว่าเป็นสิ่งนาจีส(สิ่งสกปรก) การล้างหรือทำความสะอาดต้องล้างด้วยน้ำผสมดิน จำนวน 7 ครั้ง จึงจะถือว่าสะอาด เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน ตนเป็นห่วงในเรื่องของการยอมรับของคนในพื้นที่ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ ยังเห็นว่าสุนัขเป็นที่น่ารังเกียจสำหรับคนมุสลิม ดังนั้น การใช้สุนัข ภาครัฐ ต้องทำความเข้าใจให้ดี ก่อนที่จะนำไปใช้งาน มิฉะนั้น จะกลายเป็นปัญหา หรือเงื่อนไขมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความรู้สึกที่ดีระหว่างภาคราชการกับประชาชนด้วย

ทหารไม่สนจีที 200 ห่วย

พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวยืนยันว่า พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังคงต้องใช้เครื่องจีที 200 ในการตรวจสอบต่อไป แต่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติควบคู่กับเครื่องมือชนิดอื่นในการตรวจสอบด้วย เพื่อให้ผลการตรวจสอบมีความเที่ยงตรงและแม่นยำ แต่ทั้งนี้เครื่องมือชนิดอื่นที่จะมาใช้ควบคู่กันนั้นค่อนข้างมีราคาสูง อาทิ เครื่องไฟโด้

ในส่วนของ จ.ปัตตานี ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนตามจุดตรวจและเส้นทางต่างๆ พบว่าเจ้าหน้าที่ชุดตรวจมวลสารทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ยังคงนำเครื่อง จีที 200 ออกลาดตระเวนตามเส้นทางรักษาความปลอดภัยเส้นทางครู และตามตลาดนัด ชุมชนต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีเพื่อตรวจหาสารประกอบระเบิด ยาเสพติด อาวุธ กับรถทุกคันที่ขับผ่าน โดยไม่ได้สนใจกับผลการทดสอบของนักวิชาการที่ว่าเครื่อง จีที 200 ใช้งานไม่ได้คุณภาพก็ตาม

เจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่ใช้เครื่อง จีที 200 มานาน เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังคงมั่นใจในเครื่อง จีที 200 ถึงแม้ว่าไม่ถึง 100 % อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเครื่องที่เคยทำงานได้ผลในหลายเหตุการณ์ อีกทั้งในตอนนี้ก็ยังไม่มีเครื่องมืออะไรที่จะมาทดแทนในการสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งการยกเลิกใช้ต้องให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการลงมาก่อน

ด้าน พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงต้องรอคำสั่งว่าจะมีการให้หยุดใช้เครื่อง จีที 200 หรือไม่ แต่หากต้องหยุดใช้จริงเครื่องมือที่จะนำมาทดแทนจะมีอยู่จำนวน 2 – 3 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ Alpha 6 ซึ่งสามารถตรวจหาวัตถุระเบิดและยังมีใช้อยู่ อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้สุนัขสงคราม ก็ยังมีการนำมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่ว่าจะใช้เครื่องมือใดๆ มาแทนก็จะต้องมีการฝึกฝนวิธีการใช้ที่ถูกต้องและมีความโปร่งใส พร้อมทั้งจะมีการสาธิตต่อประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความมั่นใจ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการดำเนินการในเรื่องจีที 200 ตนเองก็ได้มีการกำชับต่อผู้ใต้บังคับบัญชาในการตรวจสอบด้วยตนเอง ด้วยสายตา และ ก็ใช้สุนัขสงคราม พร้อมทั้ง เครื่อง Alpha 6 ที่มีอยู่ ไปชั่วคราวก่อน ส่วนการใช้สุนัขสงครามนั้น จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ได้ผล 100 % แต่ก็มีอุปสรรคคือห้วงเวลาในการใช้นั้น และอาจจะได้รับการต่อต้านจากพี่น้องไทยมุสลิมที่มองว่าเป็นสัตว์ที่ไม่ควรสัมผัส ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่กันต่อไป

นราธิวาสใช้ตะเกียบแทนไม้ล้างป่าช้า

ส่วนที่ จ.นราธิวาสเจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้านชุดอาสาสมัครรักษาเมือง (อรม.) ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบริเวณตลาดนัดได้ยกเลิกการนำเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 มาตรวจหาวัตถุระเบิดทันที โดยเฉพาะบริเวณลานจอดรถด้านหลังตลาดสดบางนาค เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และหันมาแก้ปัญหาด้วยการใช้ไม้ตะเกียบตรวจในถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงของรถจักรยานยนต์ เพื่อตรวจหาวัตถุระเบิดแทนการใช้เครื่อง จีที 200 สแกนหาวัตถุ

ด้านจ่าเอก จำลอง นราหนองแวง รอง ผบ.หมู่ ฉก.นราธิวาส 33 กองทัพเรือ หัวหน้าชุดทหารดูแลความปลอดภัยในตลาดสดบางนาค กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้หันมาใช้ไม้ตะเกียบขนาดยาว 1 คืบแทนการใช้เครื่องจีที 200 เป็นเครื่องมือในการแหย่ลงไปในถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงของรถจักรยานยนต์ เพื่อควานหาวัตถุแปลกปลอมในถังน้ำมันของรถจักรยานยนต์แทน ซึ่งการหันมาใช้ตะเกียบตรวจสอบแทนนั้นยอมรับว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เพราะทุกคนจะต้องก้มหน้าตรวจสอบ ซึ่งอาจเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ได้ทุกขณะ

จี้สอบเส้นทางทุจริต

ด้าน ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณะบดี คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เปิดเผยว่า ภาครัฐต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ ซึ่งต้องยอมรับว่า ประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยในหลายๆ เรื่องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเมื่อมีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนว่า เครื่องจีที 200 ใช้ไม่ได้ผลแล้วนั้นก็ต้องหาผู้รับผิดชอบ

ในกรณีที่ผ่านมามีการนำเครื่องมือเหล่านี้ไปชี้ผิดผู้ต้องหาอีกทั้งมีการส่งฟ้องเขาไปแล้ว ภาครัฐจึงต้องชี้แจงให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดแผลเรื้อรัง ส่วนผู้คนจำนวนมากที่สูญเสียไปแล้ว ที่ผ่านมาเสมือนกับถูกต้มไปทั้ง 3 จังหวัด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในระดับล่าง สิ่งเหล่านี้ ต้องตอบคำถามให้กับญาติพี่น้องของผู้สูญเสียให้ได้ ส่วนงบประมาณที่ใช้ไปแล้ว จะทำอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาให้ได้ ด้วยการตรวจสอบอย่างโปร่งใส และเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งในการทำงานในพื้นที่ และต้องหาผู้รับผิดชอบให้ได้

“ที่ผ่านมาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความบอบช้ำมามากแล้ว จะนำเครื่องมือเครื่องใช้มาใช้ในพื้นที่ขอให้มีกระบวนการภาคประชาชนในพื้นที่และนักวิชาการ วันนี้คำถามทุกคำถาม คำตอบทุกคำตอบต้องอยู่ในพื้นที่ ตนไม่อยากฟังคำถามคำตอบจากส่วนกลาง ฉะนั้น นักวิชาการ สื่อมวลชน และที่สำคัญที่สุดคือประชาชน เท่านั้นที่จะตอบได้ อธิบายได้” ดร.สมบัติ กล่าว

เช่นเดียวกับนายคทาวุธ แซ่โค้ว ประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า ผลการพิสูจน์ประสิทธิภาพของเครื่อง จีที 200 กำลังทำลายความศรัทธาของประชาชนที่หวังจะพึ่งพิงเป็นเครื่องมือป้องกันเหตุร้าย เพราะกลายเป็นเรื่องหลอกลวงและสิ้นเปลืองงบประมาณในการจัดซื้อ และคงต้องสืบสาวดูต้นตอว่ามีความโปร่งใสในการจัดซื้อมากน้อยแค่ไหน แต่หากมีเครื่องมือชนิดใหม่ที่มีความแม่นยำ เชื่อถือได้ก็ไม่อยากให้รัฐนิ่งนอนใจจัดหามาใช้ในพื้นที่โดยเร็ว เพราะชาวบ้านกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อความปลอดภัยทุกวินาที ซึ่งคนภายนอกพื้นที่อาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น