ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ภูเก็ตสั่งทุกหน่วยเกี่ยวข้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ทั้งในเรื่องเครื่องมืออุปกรณ์ กำลังคน รับมือกับสถานการณ์ไฟป่า พร้อมประกาศให้ทุกพื้นที่เป็นเขตควบคุมไฟป่า เตือนปชช.ต้องการเผาวัชพืชต้องแจ้งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านทุกครั้ง
นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาไฟป่าช่วงหน้าแล้ง ว่า ในช่วงฤดูแล้งของทุกปี สภาวะอากาศมีความแห้งแล้ง อันจะเอื้อให้เกิดเหตุไฟไหม้ป่าได้ง่าย
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า รองรับความวิปริตแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน และเตรียมการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากไฟป่า ทางจังหวัดจึงได้ออกประกาศ กำหนดให้ทุกพื้นที่ ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอในจังหวัดภูเก็ต เป็น “เขตควบคุมไฟป่า”
นอกจากนั้นในส่วนของประชาชน ที่มีความจำเป็นต้องเผาพืชไร่ วัชพืชในที่ดินทำกินของตัวเอง ต้องขออนุญาตจากกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองนั้นๆ ก่อนที่จะดำเนินการทุกครั้ง พร้อมกับต้องจัดทำแนวกันไฟ และควบคุมมิให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ หากประชาชนไม่แจ้งต่อกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือขออนุญาตแล้วแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ และมิได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ที่ตนถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามกลายเป็นไฟป่าให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ราษฎรที่ฝ่าฝืน หรือปล่อยปละละเลย โดยเฉียบขาดทุกราย
โดยเฉพาะประชาชนที่บุกรุกเข้าไปแผ้วถางป่าในเขตสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จังหวัดจะพิจารณาใช้นโยบายอพยพราษฎรผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าว ออกจากพื้นที่ป่าตามที่เห็นสมควร และจำดำเนินคดีตามความผิดที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น ในเขตควบคุมไฟป่า ประชาชนต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่ากรณีที่ทางราชการร้องขอ และหากพบเห็นไฟไหม้ป่าบริเวณใด ให้ช่วยกันดับไฟเสียแต่ต้น เพื่อไม่ให้ไฟขยายออกไปเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ หากไฟรุนแรงไม่สามารถดับได้ให้รีบแจ้งหน่วยงานควบคุมไฟป่า หรือหน่วยงานใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าระงับดับไฟป่าทันที โดยให้แจ้งไปที่สายด่วน 1362 สถานีควบคุมไฟป่าภูเก็ต โทร.08-6272-7492,08-7886-4498 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต โทร.076-218444 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต โทร.076-211067 ต่อ 13
นายธีระยุทธ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และเขตป่าสงวนแห่งชาติมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-150,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัสดุใดๆ แม้จะเป็นของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท
ขณะที่ในส่วนของ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ให้ถือเป็นหน้าที่ต้องสอดส่องดูแลให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติอย่างเข้มงวด
นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงมาตรการการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาไฟป่าช่วงหน้าแล้ง ว่า ในช่วงฤดูแล้งของทุกปี สภาวะอากาศมีความแห้งแล้ง อันจะเอื้อให้เกิดเหตุไฟไหม้ป่าได้ง่าย
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า รองรับความวิปริตแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน และเตรียมการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากไฟป่า ทางจังหวัดจึงได้ออกประกาศ กำหนดให้ทุกพื้นที่ ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอในจังหวัดภูเก็ต เป็น “เขตควบคุมไฟป่า”
นอกจากนั้นในส่วนของประชาชน ที่มีความจำเป็นต้องเผาพืชไร่ วัชพืชในที่ดินทำกินของตัวเอง ต้องขออนุญาตจากกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองนั้นๆ ก่อนที่จะดำเนินการทุกครั้ง พร้อมกับต้องจัดทำแนวกันไฟ และควบคุมมิให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ หากประชาชนไม่แจ้งต่อกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือขออนุญาตแล้วแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ และมิได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ที่ตนถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามกลายเป็นไฟป่าให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ราษฎรที่ฝ่าฝืน หรือปล่อยปละละเลย โดยเฉียบขาดทุกราย
โดยเฉพาะประชาชนที่บุกรุกเข้าไปแผ้วถางป่าในเขตสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จังหวัดจะพิจารณาใช้นโยบายอพยพราษฎรผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าว ออกจากพื้นที่ป่าตามที่เห็นสมควร และจำดำเนินคดีตามความผิดที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น ในเขตควบคุมไฟป่า ประชาชนต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่ากรณีที่ทางราชการร้องขอ และหากพบเห็นไฟไหม้ป่าบริเวณใด ให้ช่วยกันดับไฟเสียแต่ต้น เพื่อไม่ให้ไฟขยายออกไปเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ หากไฟรุนแรงไม่สามารถดับได้ให้รีบแจ้งหน่วยงานควบคุมไฟป่า หรือหน่วยงานใกล้เคียงที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าระงับดับไฟป่าทันที โดยให้แจ้งไปที่สายด่วน 1362 สถานีควบคุมไฟป่าภูเก็ต โทร.08-6272-7492,08-7886-4498 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต โทร.076-218444 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต โทร.076-211067 ต่อ 13
นายธีระยุทธ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และเขตป่าสงวนแห่งชาติมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-150,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัสดุใดๆ แม้จะเป็นของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท
ขณะที่ในส่วนของ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ให้ถือเป็นหน้าที่ต้องสอดส่องดูแลให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติอย่างเข้มงวด