“พล.อ.สนธิ”โอ่ คนสนใจร่วมเป็นสมาชิกพรรคมาตุภูมิเพียบ มั่นใจพร้อมลงสู้ศึกเลือกตั้งหากรัฐบาลยุบสภา เสนอทางแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ โดยตั้งทบวงมีรัฐมนตรีดูแลเฉพาะ 3 จังหวัด
วันนี้(13ก.พ.) พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ จ.ภูเก็ต ว่า กำลังพยายามทำพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันตามหลักการจริงๆ ให้ได้ เพราะระบบประชาธิปไตยหากพรรคการเมืองไม่สามารถทำรูปแบบของฐานในการนำพาไปสู่ประชาธิปไตยต่อไปก็จะลำบาก ดังนั้นลำดับแรกพรรคการเมืองจะต้องมีมาตรฐาน ไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจ แต่จะต้องเป็นพรรคที่มีโครงสร้าง มีนโยบายต่างๆ ที่สามารถอยู่ได้ยาวนาน ส่วนกฎกติกาของการเป็นพรรคการเมืองสิ่งสำคัญ คือ ตัวนักการเมือง การเฟ้นหานักการเมืองเข้าพรรคจะต้องมีอุดมการณ์ คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต มีความตั้งใจจริงในการทำงานให้กับบ้านเมือง
“ในส่วนของพรรคมาตุภูมินั้นจะค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกับต้นไม้ที่ค่อยๆ เจริญเติบโตด้วยความแข็งแกร่งมีรากแก้วของตัวเอง หากเป็นไปตามที่วางแนวทางไว้ก็จะอยู่ได้ยาวนาน ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคฯ มีเป็นจำนวนมาก ช่วงต้นให้ความสำคัญกับจำนวนสมาชิกตามที่ กกต.ต้องการ ซึ่งเรียบร้อยไปแล้ว รวมถึงโลโก้ของพรรคด้วย จากนี้ก็จะเริ่มดำเนินการรับสมาชิกฯ ก็ไม่ได้จำกัด แต่ขณะเดียวก็ไม่เร่ง” พลเอกสนธิกล่าว
อดีตปรธาน คมช.กล่าวอีกว่า หากจะต้องมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ ในส่วนของพรรคมีความพร้อมระดับหนึ่ง แต่หากระยะเวลามากกว่านี้ก็จะพร้อมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ใช่พรรคใหญ่ดังนั้นการส่งผู้ลงสมัครก็จะต้องดูตามความพร้อมและศักยภาพของแต่ละพื้นที่ที่มีช่องว่างสามารถเข้าไปพัฒนาการเมืองในพื้นที่นั้นๆ ได้ เพราะการเมืองคงพรรคเดียวไม่ได้ ภูเก็ตก็เช่นกันควรที่จะต้องมีการแข่งขันหลายๆ พรรค ซึ่งการพัฒนาจะให้เกิดขึ้นได้เร็ว ก็ควรต้องมีการแข่งขันในการที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาที่รวดเร็ว และการมาภูเก็ตก็ยังไม่ได้มีการคัดเลือกผู้สมัคร ซึ่งคิดว่ายังมีเวลาในการสรรหา
"ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่ที่ประชาชน และขึ้นอยู่กับพรรคว่าสามารถทำให้ประชาชนเข้าใจในนโยบายของพรรคได้มากน้อยเพียงใด ประชาชนมองตัวบุคคลที่จะมาเลือกตั้งมีคุณสมบัติตามที่เขาต้องการหรือไม่ เนื่องจากบ้านเราที่ผ่านมามีจุดอ่อนสำคัญ คือ ประชาชนเลือกโดยไม่เข้าใจผู้ที่ตัวเองเลือกดีเท่าที่ควรทำให้การเมืองไม่ถึงปลายทาง จึงต้องปลุกกระแสประชาชนทั่วประเทศว่าการจะเลือกใครจะต้องไตร่ตรองคุณสมบัติของผู้นั้นให้ได้ก่อน ไม่ใช่เลือกตามกระแสหรือเลือกตามที่ถูกชักชวน”
พลเอกสนธิ กล่าวถึงนโยบายของพรรคว่า มองจากสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ 2-3 เรื่องได้แก่ความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งทางสังคม ปัญหาที่มาของความขัดแย้งที่มาจากความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารประเทศของทุกองค์กร รวมทั้งปัญหาที่กระทบกับความรู้สึกของประชาชนทั่วประเทศ คือ สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่ได้มองเรื่องที่จะเกิดขึ้นหรือกำลังเป็นอยู่ เช่น ยาเสพติด ภัยความมั่นคงเล็กๆ เป็นต้น
“พรรคของเราจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ให้การเมืองทุกภาคมีความรู้สึกว่าการเมืองเป็นของประชาชนไม่ใช่เรื่องของส่วนบุคคล หากทุกคนมองว่าทำเพื่อประชาชนหรือประเทศชาติแล้วก็จะลดความขัดแย้งทางเมืองลงได้ ส่วนความขัดแย้งทางสังคมซึ่งจะต้องทำให้ประชาชนมีความเข้าใจว่าชาติบ้านเมืองสำคัญไม่ใช่เอาความรู้สึกส่วนตัวไปทำให้เกิดความขัดแย้ง ปลุกกระแสความเป็นชาติให้มากขึ้น และเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งทางพรรคจะพยายามเฟ้นหาบุคคลที่มีแนวคิดดังกล่าว หากจะแก้ปัญหาเรื่องประเทศให้ได้ เรื่องเดียวคือ นักการเมืองจะต้องตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริต”
เสนอตั้งทบวงเฉพาะแก้ปัญหาภาคใต้
พลเอกสนธิ กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ที่วางนโยบายนั้น เสนอให้ตั้งทบวงเพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะและมีการตั้งรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าในการดูแลบริหารจัดการ นอกจากนั้นก็จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นรองฯ อยู่ทบวง โดยระบบงบประมาณก็จะแยกให้กับทบวงโดยตรง ซึ่งการแก้ปัญหาต่างๆ ก็จะทำได้โดยเร็ว เพราะอำนาจอยู่ที่รัฐมนตรี และจะทำให้เกิดความเป็นเอกภาพมากขึ้น เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีเอกภาพในการบริหารงานต่างฝ่ายต่างทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์ งบประมาณหรือคน จึงยากที่จะแก้ปัญหาได้
นอกจากนี้ยังมีความคิดที่จะให้ผู้ปกครองท้องถิ่นท้องที่ทั้ง อบต. เทศบาล กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมไปถึงผู้นำศาสนา ผู้นำจิตวิญญาณและบุคคลสำคัญ มีบทบาทในการเข้าไปแก้ปัญหาให้มากขึ้น เป็นการขยายภาคประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้เป็นไปตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ทั้งนี้จากการหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายฝ่ายก็เห็นด้วย