ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ศูนย์ทนายความมุสลิมเรียนเชิญผู้สนใจร่วมสนทนาเรื่องการเตรียมรับมือรับการใช้มาตรา 21 ตามพรบ.ความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์ทั่วไปด้านคดีความมั่นคงในพื้นที่
ศูนย์ทนายความมุสลิมจัดเวทีสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถึงมาตรา 21 ตามพรบ.ความมั่นคง ที่ได้มีการประกาศให้พื้นที่สี่อำเภอของจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่เริ่มทดลองใช้ โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 โดยมีนายสิทธิพงษ์ จันทรวิโรจน์ เลขาธิการศูนย์ทนายความมุสลิมและนายอนุกูล อาแวปูเต๊ะ หัวหน้าสำนักงานประจำจังหวัดปัตตานี ศูนย์ทนายความมุสลิมเข้าร่วมการสนทนา ที่สำนักงานของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคแดนใต้หรือดีพ เซาท์ วอช ที่ทำการของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เวลา 14.00 – 16.30 น. วันที่ 11 กพ. 2553
ทั้งนี้เนื่องจาก ความเข้าใจของคนจำนวนมากเห็นว่ามาตรา21 จะมีผลช่วยคลี่คลายปัญหาความรุนแรงลงได้เพราะจะเปิดโอกาสให้มีการนิรโทษกรรมบุคคลที่กระทำผิด แต่การนำกฏหมายตามมาตรานี้มาใช้ ยังจะต้องคำนึงถึงรายละเอียดอีกหลายประการในทางปฏิบัติ อีกทั้ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการใช้มาตราดังกล่าวซึ่งมีโอกาสที่จะขยายไปครอบคลุมพื้นที่สามจังหวัดทั้งหมดด้วย
นอกเหนือจากเรื่องของมาตรา 21 แล้ว ทางศูนย์ยังเห็นอีกประการหนึ่งด้วยว่า ปัจจุบันคดีด้านความมั่นคงอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีจำนวนมากคือไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคดี ในจำนวนนี้มีทั้งที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลในพื้นที่สามจังหวัดรวมทั้งสงขลา และที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลในกรุงเทพฯ แต่ละคดีใช้เวลาในการพิจารณาต่อเนื่องยาวนานเกินสองปีขึ้นไป ทำให้มีคดีค้างอยู่เป็นจำนวนมากทั้งเก่าและใหม่
การที่มีคดีเป็นจำนวนมาก ระยะเวลาการพิจารณาที่ยาวนานและพิจารณาในต่างพื้นที่อาจทำให้ยากแก่การที่สาธารณะจะสามารถติดตามข่าวสารได้ หลายคดีที่มีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการดำเนินคดีทางศาลในอนาคต รวมทั้งต่อกระบวนการยุติธรรมโดยรวมจึงไม่ได้เป็นที่รับรู้ของสาธารณะเท่าใดนัก ดังนั้น ในการพบปะสนทนาครั้งนี้เป็นช่องทางในการบอกเล่าสถานการณ์ทางด้านคดีความมั่นคงด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีการหยิบยก กรณีที่มีชาวบ้านสี่สิบคนจากบ้านป่าทุ่ง จ.ปัตตานีถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อความไม่สงบ คดีนี้อาจนับเป็นคดีการฟ้องร้องกลุ่มบุคคลที่มีกลุ่มคนเกี่ยวข้องมากที่สุด ก่อนหน้านี้มีคดีในทำนองเดียวกันที่ยะรัง นาประดู่และกะพ้อ
ศูนย์ทนายความมุสลิมจัดเวทีสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถึงมาตรา 21 ตามพรบ.ความมั่นคง ที่ได้มีการประกาศให้พื้นที่สี่อำเภอของจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่เริ่มทดลองใช้ โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 โดยมีนายสิทธิพงษ์ จันทรวิโรจน์ เลขาธิการศูนย์ทนายความมุสลิมและนายอนุกูล อาแวปูเต๊ะ หัวหน้าสำนักงานประจำจังหวัดปัตตานี ศูนย์ทนายความมุสลิมเข้าร่วมการสนทนา ที่สำนักงานของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคแดนใต้หรือดีพ เซาท์ วอช ที่ทำการของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เวลา 14.00 – 16.30 น. วันที่ 11 กพ. 2553
ทั้งนี้เนื่องจาก ความเข้าใจของคนจำนวนมากเห็นว่ามาตรา21 จะมีผลช่วยคลี่คลายปัญหาความรุนแรงลงได้เพราะจะเปิดโอกาสให้มีการนิรโทษกรรมบุคคลที่กระทำผิด แต่การนำกฏหมายตามมาตรานี้มาใช้ ยังจะต้องคำนึงถึงรายละเอียดอีกหลายประการในทางปฏิบัติ อีกทั้ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการใช้มาตราดังกล่าวซึ่งมีโอกาสที่จะขยายไปครอบคลุมพื้นที่สามจังหวัดทั้งหมดด้วย
นอกเหนือจากเรื่องของมาตรา 21 แล้ว ทางศูนย์ยังเห็นอีกประการหนึ่งด้วยว่า ปัจจุบันคดีด้านความมั่นคงอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีจำนวนมากคือไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคดี ในจำนวนนี้มีทั้งที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลในพื้นที่สามจังหวัดรวมทั้งสงขลา และที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลในกรุงเทพฯ แต่ละคดีใช้เวลาในการพิจารณาต่อเนื่องยาวนานเกินสองปีขึ้นไป ทำให้มีคดีค้างอยู่เป็นจำนวนมากทั้งเก่าและใหม่
การที่มีคดีเป็นจำนวนมาก ระยะเวลาการพิจารณาที่ยาวนานและพิจารณาในต่างพื้นที่อาจทำให้ยากแก่การที่สาธารณะจะสามารถติดตามข่าวสารได้ หลายคดีที่มีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการดำเนินคดีทางศาลในอนาคต รวมทั้งต่อกระบวนการยุติธรรมโดยรวมจึงไม่ได้เป็นที่รับรู้ของสาธารณะเท่าใดนัก ดังนั้น ในการพบปะสนทนาครั้งนี้เป็นช่องทางในการบอกเล่าสถานการณ์ทางด้านคดีความมั่นคงด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีการหยิบยก กรณีที่มีชาวบ้านสี่สิบคนจากบ้านป่าทุ่ง จ.ปัตตานีถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อความไม่สงบ คดีนี้อาจนับเป็นคดีการฟ้องร้องกลุ่มบุคคลที่มีกลุ่มคนเกี่ยวข้องมากที่สุด ก่อนหน้านี้มีคดีในทำนองเดียวกันที่ยะรัง นาประดู่และกะพ้อ
