ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อธิบดีกรมการปกครองชี้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ในภูเก็ตต้องปฏิบัติตัวต่างจากที่อื่นขณะที่ปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในภูเก็ตเน้นย้ำให้ทุกหน่วยร่วมมือกันดูแล
วันนี้ (2ก.พ.) นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวภายหลังการมอบนโยบายการปฎิบัติหน้าที่ให้แก่ข้าราชการฝ่ายปกครอง และผู้ปกครองท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า ภูเก็ตเป็นเมืองระดับนานาชาติ ดังนั้น จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจ จึงทำให้การปฎิบัติตัวของกำนันผู้ใหญ่บ้านภูเก็ตจึงต้องแตกต่างจากกำนันผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดอื่นๆ
เช่น ในภาคอีสานที่จะต้องคุย เรื่องของพืชผลทางการเกษตร การชลประทาน เป็นต้น แต่กรณีของภูเก็ตจะต้องคุยเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอกับการบริโภคของประชาชนและนักท่องเที่ยว การป้องกันการบุกและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น
นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านเปรียบเหมือนนายอำเภอหมู่บ้าน เนื่องจากกฎหมายที่ออกมาใหม่ซึ่งผ่านมติคณะรัฐมนตรีออกมาแล้ว บอกว่ากรรมการหมู่บ้านซึ่งมีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานและมีส่วนราชการหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนเป็นกรรมการ จึงมีบทบาทและความสำคัญมาก เพราะงานของทุกกระทรวงทบวงกรมที่ลงมายังพื้นที่จะต้องผ่านคณะกรรมการหมู่บ้าน ประกอบกับนโยบายกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด
การรักษาความสงบ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นการตอกย้ำถึงความชัดเจนของแนวทางการปฎิบัติ เพราะกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพสูงสุดในพื้นที่องค์กรหนึ่งควบคู่ไปกับท้องถิ่น โดยไม่ซ้ำซ้อนกัน เพราะการทำงานของกำนันผู้ใหญ่บ้านจะเน้นเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยและการบริหารประชาชน
ส่วนปัญหาเรื่องการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันดูแล จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านดูแลเพียงลำพังไม่ได้ หากต่างฝ่ายไม่เอาใจใส่ก็จะไม่เกิดผล ซึ่งได้เน้นย้ำไปกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตให้เน้นย้ำเรื่องการปลูกจิตสำนึกของทุกฝ่ายทั้งคนในพื้นที่ซึ่งมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ คนที่มาลงทุนและผู้ที่เดินทางเข้ามท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ดังนั้นหากทุกคนทุกฝ่ายรู้จักหน้าที่ประเทศไทยก็จะเจริญเติบโตไปมากกว่านี้ แต่ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความมักง่าย เห็นแก่ตัว
วันนี้ (2ก.พ.) นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวภายหลังการมอบนโยบายการปฎิบัติหน้าที่ให้แก่ข้าราชการฝ่ายปกครอง และผู้ปกครองท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า ภูเก็ตเป็นเมืองระดับนานาชาติ ดังนั้น จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจ จึงทำให้การปฎิบัติตัวของกำนันผู้ใหญ่บ้านภูเก็ตจึงต้องแตกต่างจากกำนันผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดอื่นๆ
เช่น ในภาคอีสานที่จะต้องคุย เรื่องของพืชผลทางการเกษตร การชลประทาน เป็นต้น แต่กรณีของภูเก็ตจะต้องคุยเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอกับการบริโภคของประชาชนและนักท่องเที่ยว การป้องกันการบุกและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น
นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านเปรียบเหมือนนายอำเภอหมู่บ้าน เนื่องจากกฎหมายที่ออกมาใหม่ซึ่งผ่านมติคณะรัฐมนตรีออกมาแล้ว บอกว่ากรรมการหมู่บ้านซึ่งมีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานและมีส่วนราชการหรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนเป็นกรรมการ จึงมีบทบาทและความสำคัญมาก เพราะงานของทุกกระทรวงทบวงกรมที่ลงมายังพื้นที่จะต้องผ่านคณะกรรมการหมู่บ้าน ประกอบกับนโยบายกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด
การรักษาความสงบ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นการตอกย้ำถึงความชัดเจนของแนวทางการปฎิบัติ เพราะกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพสูงสุดในพื้นที่องค์กรหนึ่งควบคู่ไปกับท้องถิ่น โดยไม่ซ้ำซ้อนกัน เพราะการทำงานของกำนันผู้ใหญ่บ้านจะเน้นเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยและการบริหารประชาชน
ส่วนปัญหาเรื่องการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนั้น นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันดูแล จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือกำนันผู้ใหญ่บ้านดูแลเพียงลำพังไม่ได้ หากต่างฝ่ายไม่เอาใจใส่ก็จะไม่เกิดผล ซึ่งได้เน้นย้ำไปกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตให้เน้นย้ำเรื่องการปลูกจิตสำนึกของทุกฝ่ายทั้งคนในพื้นที่ซึ่งมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ คนที่มาลงทุนและผู้ที่เดินทางเข้ามท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ดังนั้นหากทุกคนทุกฝ่ายรู้จักหน้าที่ประเทศไทยก็จะเจริญเติบโตไปมากกว่านี้ แต่ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความมักง่าย เห็นแก่ตัว