นครศรีธรรมราช – หนึ่งในลูกค้าบ้านเอื้ออาทร จ.นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับการเคหะแห่งชาติ หลังทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านในหมู่บ้านโครงการเอื้ออาทร 2 แต่บ้านกลับเป็นชื่อของผู้อื่น
ส.ต.อ.สรวิช ที่ทำนัก ผบ.หมู่งาน ป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนางสุนันทา หรือเบญจวรรณ รักษ์มณี อายุ 42 ปี อยู่ 213/185 ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะผู้เสียหายร่วม เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับการเคหะแห่งชาติ
หลังจากที่ ส.ต.อ.สรวิช และตนเองในฐานะผู้รับกรรมสิทธิ์ตกทอด ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินในโครงการบ้านเอื้ออาทร 2 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กับนายศุภชัย พุทธารักษ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากการเคหะแห่งชาติ โดยทางผู้ซื้อได้ทำตามขั้นตอนชำระเงินดาวน์โดยทุกประการแล้ว แต่ปรากฏว่า บ้านหลังที่ได้ทำสัญญาไว้นั้นการเคหะฯได้ขายให้กับลูกค้ารายอื่น
นางสุนันทา หรือเบญจวรรณ รักษ์มณี เปิดเผยว่า ส.ต.อ.สรวิช และตนเองได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านในหมู่บ้านโครงการเอื้ออาทร 2 ในแปลงที่ดินที่ 02220000 เลขที่ 222/0 ในราคาตารางวาละ 7,200 บาท ตั้งแต่ปี 2546 และตามสัญญานั้นผู้ซื้อจะต้องผ่อนเงินดาวน์เดือนละ 300 บาท จนครบเงินจำนวน 3,600 บาท และบอกให้ผู้กู้คือผู้ซื้อไปยื่นกู้ธนาคารจะต้องชำระอีก 386,400 บาท โดยนัดส่งมอบบ้านในวันที่ 19 ธ.ค.52 ที่ผ่านมา แต่เมื่อตนเข้าไปดูในวันที่ 19 ธ.ค.เพื่อติดตามขั้นตอนการรับมอบ ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวที่จองซื้อไว้นั้นกลับตกเป็นของคนอื่นไปแล้ว
“พยายามสอบถามว่าเหตุใดถึงกลายเป็นของคนอื่น เมื่อไปสอบถามธนาคารที่ยื่นกู้ธนาคารบอกว่าผู้กู้ติดบัญชีดำเครดิตบูโร แต่เมื่อไปสอบถามกับธนาคารอื่น เพื่อให้ธนาคารอื่นตรวจสอบให้ปรากฏว่า ธนาคารแห่งนั้นยืนยันว่าไม่ได้ติดเครดิตบูโร มีการชำระเงินในหนี้สินอื่นครบถ้วนถูกต้องประวัติดี ทำให้รู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ไม่มีการบอกเลิกสัญญาตามกฎหมายแต่เมื่อไปดูบ้านเป็นของคนอื่น จึงไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในชั้นต้นนั้นได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพื่อเป็นหลักฐานและจะได้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ที่มีเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ตนเองเพียงรายเดียว ทราบว่ามีคนอื่นด้วยนับร้อยยูนิตที่อยู่ในสภาพเช่นนี้” นางสุนันทาระบุ
ขณะที่นายศุภชัย พุทธารักษ์ หัวหน้าสำนักงานการเคหะนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าเท่าที่ติดตามข้อมูลกรณีนี้ น่าจะเกิดขึ้นจากการยื่นกู้แล้วไม่ผ่าน โดยปกตินั้นถ้าไม่ผ่านผู้กู้รายนั้นจะต้องประสานกับการเคหะฯโดยทันที เข้าใจว่ารายนี้อาจจะเพิกเฉยไม่มีการติดต่อกับการเคหะฯ ทำให้ถูกตัดสิทธิเมื่อถูกตัดสิทธิแล้วจะมีบัญชีรองของผู้จองขึ้นมาแทนที่ทันที กรณีเช่นนี้เท่าที่ตรวจสอบปรากฏว่ามีอยู่ราวกว่า 10 ราย
ส.ต.อ.สรวิช ที่ทำนัก ผบ.หมู่งาน ป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนางสุนันทา หรือเบญจวรรณ รักษ์มณี อายุ 42 ปี อยู่ 213/185 ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะผู้เสียหายร่วม เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับการเคหะแห่งชาติ
หลังจากที่ ส.ต.อ.สรวิช และตนเองในฐานะผู้รับกรรมสิทธิ์ตกทอด ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านพร้อมที่ดินในโครงการบ้านเอื้ออาทร 2 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กับนายศุภชัย พุทธารักษ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากการเคหะแห่งชาติ โดยทางผู้ซื้อได้ทำตามขั้นตอนชำระเงินดาวน์โดยทุกประการแล้ว แต่ปรากฏว่า บ้านหลังที่ได้ทำสัญญาไว้นั้นการเคหะฯได้ขายให้กับลูกค้ารายอื่น
นางสุนันทา หรือเบญจวรรณ รักษ์มณี เปิดเผยว่า ส.ต.อ.สรวิช และตนเองได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านในหมู่บ้านโครงการเอื้ออาทร 2 ในแปลงที่ดินที่ 02220000 เลขที่ 222/0 ในราคาตารางวาละ 7,200 บาท ตั้งแต่ปี 2546 และตามสัญญานั้นผู้ซื้อจะต้องผ่อนเงินดาวน์เดือนละ 300 บาท จนครบเงินจำนวน 3,600 บาท และบอกให้ผู้กู้คือผู้ซื้อไปยื่นกู้ธนาคารจะต้องชำระอีก 386,400 บาท โดยนัดส่งมอบบ้านในวันที่ 19 ธ.ค.52 ที่ผ่านมา แต่เมื่อตนเข้าไปดูในวันที่ 19 ธ.ค.เพื่อติดตามขั้นตอนการรับมอบ ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวที่จองซื้อไว้นั้นกลับตกเป็นของคนอื่นไปแล้ว
“พยายามสอบถามว่าเหตุใดถึงกลายเป็นของคนอื่น เมื่อไปสอบถามธนาคารที่ยื่นกู้ธนาคารบอกว่าผู้กู้ติดบัญชีดำเครดิตบูโร แต่เมื่อไปสอบถามกับธนาคารอื่น เพื่อให้ธนาคารอื่นตรวจสอบให้ปรากฏว่า ธนาคารแห่งนั้นยืนยันว่าไม่ได้ติดเครดิตบูโร มีการชำระเงินในหนี้สินอื่นครบถ้วนถูกต้องประวัติดี ทำให้รู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ไม่มีการบอกเลิกสัญญาตามกฎหมายแต่เมื่อไปดูบ้านเป็นของคนอื่น จึงไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในชั้นต้นนั้นได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพื่อเป็นหลักฐานและจะได้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ที่มีเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ตนเองเพียงรายเดียว ทราบว่ามีคนอื่นด้วยนับร้อยยูนิตที่อยู่ในสภาพเช่นนี้” นางสุนันทาระบุ
ขณะที่นายศุภชัย พุทธารักษ์ หัวหน้าสำนักงานการเคหะนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าเท่าที่ติดตามข้อมูลกรณีนี้ น่าจะเกิดขึ้นจากการยื่นกู้แล้วไม่ผ่าน โดยปกตินั้นถ้าไม่ผ่านผู้กู้รายนั้นจะต้องประสานกับการเคหะฯโดยทันที เข้าใจว่ารายนี้อาจจะเพิกเฉยไม่มีการติดต่อกับการเคหะฯ ทำให้ถูกตัดสิทธิเมื่อถูกตัดสิทธิแล้วจะมีบัญชีรองของผู้จองขึ้นมาแทนที่ทันที กรณีเช่นนี้เท่าที่ตรวจสอบปรากฏว่ามีอยู่ราวกว่า 10 ราย