ASTVผู้จัดการรายวัน - ธ.ก.ส.เร่งเตรียมแผนงานธนาคารชุมชน ตั้งเป้า 3 ปีตั้งบริษัทใหม่รับไมโครไฟแนนซ์ ชูดอกเบี้ย 1% ต่อเดือนพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับออมสินป้องกันให้กู้ซ้ำซ้อน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงการเดินหน้าการจัดทำโครงการธนาคารชุมชนว่า ในระยะ 3 ปีแรกจะดำเนินการภายใต้ธ.ก.ส.โดยการแยกบัญชีกำไรขาดทุนออกไปต่างหาก หลังจากนั้นจะมาประเมินผลการดำเนินงานหากเห็นว่าประสบผลสำเร็จจะแยกออกไปจัดตั้งเป็นบริษัทในเครือหรือบริษัทลูกของธ.ก.ส.เพื่อเป็นแหล่งเงินสำหรับประชาชนระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง โดยน่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมแผนงานและการรับสมัครบุคลากรประมาณ 1,000 คน
สำหรับการปล่อยกู้ในเบื้องต้นคิดดอกเบี้ย 12% ต่อปีหรือ 1% ต่อเดือน เทียบเท่ากับธนาคารประชาชนของออมสิน แต่ต่างกันตรงของธ.ก.ส.จะเป็นแบบลดต้นลดดอกในแต่ละงวด ขณะที่ออมสินจะคิดคงที่ตามระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้ภาระโดยรวมอยู่ในระดับต่ำกว่า โดยในระยะ 3 ปีแรกจะมีเงินทุนปล่อยกู้โครงการดังกล่าว 6 พันล้านบาท คาดมีผู้ใช้บริการ 3 แสนราย หรือปล่อยกู้ไม่เกินรายละ 2 หมื่นบาทแต่กำหนดเพดานสูงสุดไว้ไม่เกิน 5 หมื่นบาท
“ที่ตั้งโครงการไว้ 3 ปีเพื่อประเมินผลเพราะยังกังวลว่าอาจจะมีหนี้เสียมากกว่าการปล่อยกู้เกษตรกรเหมือนที่ผ่านมา เพราะกลุ่มเป้าหมายต่างกันจะเปิดกว้างให้บุคคลทั่วไปด้วย ในส่วนนี้จึงต้องมีการประสานความร่วมมือกับออมสินเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลลูกหนี้ระหว่างกันเหมือนการตรวจสอบข่อมูลจากเครดิตบูโรด้วย” นายลักษณ์ กล่าว
ส่วนการปล่อยกู้รีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบนั้นจะเริ่มโอนหนี้ก้อนแรกได้ปลายเดือนมกราคมนี้ในส่วนของลูกหนี้ภาคอีสานเช่นที่จังหวัดอุบลราชธานีในส่วนของมูลหนี้ไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาทจากเกษตรกรที่มาลงทะเบียน 9.7 หมื่นคน โดยจะแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อไม่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการเจรจาประนอมหนี้ระดับจังหวัด แต่ธ.ก.ส.จะเป็นผู้เจรจากับลูกหนี้และเจ้าหนี้เอง เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว คาดจะจ่ายคืนให้เจ้าหนี้ทั้งเงินต้นบวกดอกเบี้ยไม่เกิน 15%ต่อไป โดยให้ลูกหนี้ผ่อนชำระได้ภายใน 8-12 ปี.
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงการเดินหน้าการจัดทำโครงการธนาคารชุมชนว่า ในระยะ 3 ปีแรกจะดำเนินการภายใต้ธ.ก.ส.โดยการแยกบัญชีกำไรขาดทุนออกไปต่างหาก หลังจากนั้นจะมาประเมินผลการดำเนินงานหากเห็นว่าประสบผลสำเร็จจะแยกออกไปจัดตั้งเป็นบริษัทในเครือหรือบริษัทลูกของธ.ก.ส.เพื่อเป็นแหล่งเงินสำหรับประชาชนระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง โดยน่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดเตรียมแผนงานและการรับสมัครบุคลากรประมาณ 1,000 คน
สำหรับการปล่อยกู้ในเบื้องต้นคิดดอกเบี้ย 12% ต่อปีหรือ 1% ต่อเดือน เทียบเท่ากับธนาคารประชาชนของออมสิน แต่ต่างกันตรงของธ.ก.ส.จะเป็นแบบลดต้นลดดอกในแต่ละงวด ขณะที่ออมสินจะคิดคงที่ตามระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้ภาระโดยรวมอยู่ในระดับต่ำกว่า โดยในระยะ 3 ปีแรกจะมีเงินทุนปล่อยกู้โครงการดังกล่าว 6 พันล้านบาท คาดมีผู้ใช้บริการ 3 แสนราย หรือปล่อยกู้ไม่เกินรายละ 2 หมื่นบาทแต่กำหนดเพดานสูงสุดไว้ไม่เกิน 5 หมื่นบาท
“ที่ตั้งโครงการไว้ 3 ปีเพื่อประเมินผลเพราะยังกังวลว่าอาจจะมีหนี้เสียมากกว่าการปล่อยกู้เกษตรกรเหมือนที่ผ่านมา เพราะกลุ่มเป้าหมายต่างกันจะเปิดกว้างให้บุคคลทั่วไปด้วย ในส่วนนี้จึงต้องมีการประสานความร่วมมือกับออมสินเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลลูกหนี้ระหว่างกันเหมือนการตรวจสอบข่อมูลจากเครดิตบูโรด้วย” นายลักษณ์ กล่าว
ส่วนการปล่อยกู้รีไฟแนนซ์หนี้นอกระบบนั้นจะเริ่มโอนหนี้ก้อนแรกได้ปลายเดือนมกราคมนี้ในส่วนของลูกหนี้ภาคอีสานเช่นที่จังหวัดอุบลราชธานีในส่วนของมูลหนี้ไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาทจากเกษตรกรที่มาลงทะเบียน 9.7 หมื่นคน โดยจะแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อไม่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการเจรจาประนอมหนี้ระดับจังหวัด แต่ธ.ก.ส.จะเป็นผู้เจรจากับลูกหนี้และเจ้าหนี้เอง เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว คาดจะจ่ายคืนให้เจ้าหนี้ทั้งเงินต้นบวกดอกเบี้ยไม่เกิน 15%ต่อไป โดยให้ลูกหนี้ผ่อนชำระได้ภายใน 8-12 ปี.
