นครศรีธรรมราช – สมาชิก “ปูแดง” ภาคใต้ร่วม 200 คน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ดีเอสไอ และ สคบ. พร้อมเรียกร้องค่าเสียหายจนถึงที่สุด-ชี้เป็นเครื่องมือบริษัทยักษ์ใหญ่รับใบสั่งกำจัด”ปูแดง” พ้นทางธุรกิจ
วันนี้ (25 ม.ค.) นายราเชนทร์ เครือจันทร์ แกนนำสมาชิกขายตรงบริษัท เบสท์ 59 จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพปุ๋ยไคโตซานปูแดงและผงชูรสปูแดง จากจังหวัดต่างๆ ทั่วภาคใต้ ประมาณ 200 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพปุ๋ยไคโตซานปูแดงและผงชูรสปูแดง ภาคใต้ เลขที่ 186/20 ถนนสะพานยาว ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหวกรณีเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงานนำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตสินค้า 4 จุด
นายราเชนทร์ เครือจันทร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่สมาชิกฯทั่วประเทศรวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่กรุงเทพ และได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมรวม 4 เรื่อง ประกอบด้วย
1. ดีเอสไอและ สคบ.จะต้องพิจารณายกเลิกคำสั่งอายัดทรัพย์และสินค้าของบริษัท เบสท์ 59 จำกัด เพื่อให้สมาชิกสามารถซื้อขายปลีกได้ตามที่ เลขาฯ สคบ.ให้สัมภาษณ์ ว่าไม่ได้ปิดบริษัทฯ เพียงแค่เพิกถอนใบอนุญาตขายตรงเท่านั้น แต่ให้ขายปลีกได้
2.ดีเอสไอ และ สคบ.จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับสมาชิกที่เกิดจากการสั่งปิดบริษัทฯ โดยใช้มาตรการรุนแรงเกินกว่าเหตุครั้งนี้อย่างไร
3.ให้ สคบ.ตรวจสอบบริษัทขายตรงข้ามชาติทุกบริษัทว่า มีการบังคับซื้อสินค้าในทุกๆ เดือนเพื่อรักษาผลตอบแทนหรือไม่
4.ให้ สคบ.ตรวจสอบบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 1-2-3 ว่าแจ้งรายการสินค้ากับ สคบ.ครบทุกรายการหรือไม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่า สคบ.ไม่ได้มี 2 มาตรฐาน
เรื่องที่เกิดขึ้นมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะหลังจากผู้คนหันมาใช้ปูแดงและได้ผลดี ทำให้ผลิตภัณฑ์และสินค้าทางการเกษตรยักษ์ทุกยี่ห้อได้รับผลกระทบยอดจำหน่ายลดลงและสูญเสียรายได้ไปอย่างมากมายมหาศาล ในขณะที่ประชาชนได้ประโยชน์จนสามารถลืมตาอ้าปากได้ หมดหนี้หมดสิน บริษัทยักษ์ใหญ่รู้ว่าหากไม่ทำอะไรสักอย่างทุกบริษัทต้องปิดกิจการไปโดยปริยาย โดยในระยะ 1 ปีที่ผ่านมาพบว่าบริษัทยักษ์ใหญ่จำเป็นต้องลดราคาปุ๋ยและผลิตภัณฑ์การเกษตรลงมา 30-40 เปอร์เซ็นต์เพื่อสู้กับผลิตภัณฑ์ปูแดงแต่ไม่ได้ผล จึงต้องกำจัดปูแดงออกไปให้พ้นทางธุรกิจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงานตกเป็นเครื่องมือของนายทุนยักษ์ใหญ่หลายบริษัทดังกล่าว
นายราเชนทร์ กล่าวอีกว่า การเข้ามาดำเนินการกับปูแดงในลักษณะที่ไม่มีประชาชนคนใดเป็นผู้เสียหายกล่าวโทษร้องทุกข์ หรือไม่มีผู้เสียหาย ในทางตรงข้ามประชาชนจำนวนมากได้รับความเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นในวันนี้ตัวแทนสมาชิกในภาคใต้จึงนัดมาประชุมร่วมกัน และมีมติว่าทั้งหมดจะเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจไว้เป็นหลักฐาน โดยสมาชิกที่ได้รับคามเสียหายสามารถแจ้งความกับตำรวจได้ทุกโรงพักทั่วประเทศ เชื่อว่าจะมีสมาชิกปูแดงทั่วประเทศทยอยเข้าแจ้งความนับแสนคนอย่างแน่นอน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับ ดีเอสไอ และ สคบ. ในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวลา 15.30 น.สมาชิกทั้งหมดได้เดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทำให้บรรยากาศใน สภ.เมือง คึกคักแน่นขนัดไปด้วยสมาชิกปูแดง โดย พ.ต.ท.ศุภชัย งามปลอด พนักงานสอบสวนเวร ได้รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และ พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส. ต้องระดมพนักงานสอบสวน 4-5 นายมาร่วมรับแจ้งความ ท่ามกลางความสนใจของผู้คนที่พบเห็น โดยใช้เวลาหลายชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น และทั้งหมดแยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนาในเย็นของวันเดียวกัน
วันนี้ (25 ม.ค.) นายราเชนทร์ เครือจันทร์ แกนนำสมาชิกขายตรงบริษัท เบสท์ 59 จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพปุ๋ยไคโตซานปูแดงและผงชูรสปูแดง จากจังหวัดต่างๆ ทั่วภาคใต้ ประมาณ 200 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรชีวภาพปุ๋ยไคโตซานปูแดงและผงชูรสปูแดง ภาคใต้ เลขที่ 186/20 ถนนสะพานยาว ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหวกรณีเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงานนำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตสินค้า 4 จุด
นายราเชนทร์ เครือจันทร์ เปิดเผยว่า หลังจากที่สมาชิกฯทั่วประเทศรวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่กรุงเทพ และได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมรวม 4 เรื่อง ประกอบด้วย
1. ดีเอสไอและ สคบ.จะต้องพิจารณายกเลิกคำสั่งอายัดทรัพย์และสินค้าของบริษัท เบสท์ 59 จำกัด เพื่อให้สมาชิกสามารถซื้อขายปลีกได้ตามที่ เลขาฯ สคบ.ให้สัมภาษณ์ ว่าไม่ได้ปิดบริษัทฯ เพียงแค่เพิกถอนใบอนุญาตขายตรงเท่านั้น แต่ให้ขายปลีกได้
2.ดีเอสไอ และ สคบ.จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับสมาชิกที่เกิดจากการสั่งปิดบริษัทฯ โดยใช้มาตรการรุนแรงเกินกว่าเหตุครั้งนี้อย่างไร
3.ให้ สคบ.ตรวจสอบบริษัทขายตรงข้ามชาติทุกบริษัทว่า มีการบังคับซื้อสินค้าในทุกๆ เดือนเพื่อรักษาผลตอบแทนหรือไม่
4.ให้ สคบ.ตรวจสอบบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 1-2-3 ว่าแจ้งรายการสินค้ากับ สคบ.ครบทุกรายการหรือไม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่า สคบ.ไม่ได้มี 2 มาตรฐาน
เรื่องที่เกิดขึ้นมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะหลังจากผู้คนหันมาใช้ปูแดงและได้ผลดี ทำให้ผลิตภัณฑ์และสินค้าทางการเกษตรยักษ์ทุกยี่ห้อได้รับผลกระทบยอดจำหน่ายลดลงและสูญเสียรายได้ไปอย่างมากมายมหาศาล ในขณะที่ประชาชนได้ประโยชน์จนสามารถลืมตาอ้าปากได้ หมดหนี้หมดสิน บริษัทยักษ์ใหญ่รู้ว่าหากไม่ทำอะไรสักอย่างทุกบริษัทต้องปิดกิจการไปโดยปริยาย โดยในระยะ 1 ปีที่ผ่านมาพบว่าบริษัทยักษ์ใหญ่จำเป็นต้องลดราคาปุ๋ยและผลิตภัณฑ์การเกษตรลงมา 30-40 เปอร์เซ็นต์เพื่อสู้กับผลิตภัณฑ์ปูแดงแต่ไม่ได้ผล จึงต้องกำจัดปูแดงออกไปให้พ้นทางธุรกิจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงานตกเป็นเครื่องมือของนายทุนยักษ์ใหญ่หลายบริษัทดังกล่าว
นายราเชนทร์ กล่าวอีกว่า การเข้ามาดำเนินการกับปูแดงในลักษณะที่ไม่มีประชาชนคนใดเป็นผู้เสียหายกล่าวโทษร้องทุกข์ หรือไม่มีผู้เสียหาย ในทางตรงข้ามประชาชนจำนวนมากได้รับความเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นในวันนี้ตัวแทนสมาชิกในภาคใต้จึงนัดมาประชุมร่วมกัน และมีมติว่าทั้งหมดจะเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจไว้เป็นหลักฐาน โดยสมาชิกที่ได้รับคามเสียหายสามารถแจ้งความกับตำรวจได้ทุกโรงพักทั่วประเทศ เชื่อว่าจะมีสมาชิกปูแดงทั่วประเทศทยอยเข้าแจ้งความนับแสนคนอย่างแน่นอน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับ ดีเอสไอ และ สคบ. ในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวลา 15.30 น.สมาชิกทั้งหมดได้เดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทำให้บรรยากาศใน สภ.เมือง คึกคักแน่นขนัดไปด้วยสมาชิกปูแดง โดย พ.ต.ท.ศุภชัย งามปลอด พนักงานสอบสวนเวร ได้รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และ พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส. ต้องระดมพนักงานสอบสวน 4-5 นายมาร่วมรับแจ้งความ ท่ามกลางความสนใจของผู้คนที่พบเห็น โดยใช้เวลาหลายชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น และทั้งหมดแยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนาในเย็นของวันเดียวกัน
