เครือข่าย “ปูแดง” ขึ้นโรงพักทุ่งสองห้อง ร้องถูกดีเอสไอและสคบ.ตรวจค้นไม่เป็นธรรม อ้างถูกกลั่นแกล้ง ทำให้เดือดร้อน เบื้องต้น พงส.รับแจ้งความไว้ ด้านอธิบดีดีเอสไอยันทำตามกฎหมาย ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว 4 ราย เผยการทำธุรกิจมุ่งหาสมาชิก เข้าข่าย “แชร์ลูกโซ่” หากปล่อยไว้ความเสียหายลุกลามใหญ่โต!
วันนี้ (24 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. กลุ่มสมาชิกปูแดงกว่า 100 คนได้เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.อนุชา พรหมอารักษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทุ่งสองห้อง ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังถูกดีเอสไอ และ สคบ.เข้าค้นบริษัท เบสท์ 59 จำกัด หรือปูแดง ไคโตซาน พร้อมทั้งสั่งระงับสินค้าทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถนำสินค้ามาขายได้
นายสาธิต แดงจันทร์ อายุ 36 ปี ตัวแทนกลุ่มสมาชิกผู้ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า วันนี้ที่พวกตนต้องเดินทางเข้าร้องทุกข์เนื่องจากภายหลังดีเอสไอ และ สคบ.เข้าตรวจค้นบริษัทเบสท์ 59 จำกัด เมื่อวันที่ 19 ม.ค.53 และตั้งข้อหาร้ายแรง พร้อมทั้งระงับสินค้ารวมถึงให้หยุดกิจการ ทำให้สมาชิกขาดรายได้ไม่สามารถนำสินค้าออกไปจำหน่ายได้ ทำให้ประชาชนและเกษตรกรผู้รับสินค้าก็ได้รับความเดือดร้อน
นายสาธิตกล่าวต่อไปว่า ตนเชื่อว่าทางบริษัทต้องถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เพราะสินค้าที่ของปูแดงที่ส่งออกจำหน่ายนั้นก็ขายได้เป็นอย่างดีมีสมาชิกมาก รวมถึงสินค้าที่ได้มาตรฐาน ไม่เคยเอาเปรียบประชาชน และสินค้ามีราคาถูกว่าสินค้าอื่นตามท้องตลาด นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกและเกษตรกรทั่วประเทศเดินทางเข้าแจ้งความตามภูมิลำเนาบ้างบางส่วนแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากนี้ทางผู้เสียหายจะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อนำไปเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป
ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวยืนยันว่า การเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว ดีเอสไอดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้ขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้น เนื่องจากดีเอสไอสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า พฤติการณ์ของบริษัทดังกล่าวเข้าข่ายความผิดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือลักษณะแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะเน้นระดมสมาชิกให้ได้จำนวนมาก เพื่อนำเงินของสมาชิกใหม่มาจ่ายให้กับสมาชิกเก่า ในที่สุดธุรกิจก็จะล้มและไม่สามารถนำเงินมาคืนให้กับสมาชิกใหม่ได้ อีกทั้งตรวจสอบแล้วพบว่ายอดตัวเลขการสั่งซื้อ 1 ล้านกว่ารหัส แต่มีสมาชิกจริงเพียง 10,000 กว่าคน
ดังนั้นหากปล่อยไว้นานกว่านี้ก็จะทำให้ความเสียหายลุกลามใหญ่โต ดีเอสไอและสคบ.จึงได้ขอหมายค้นเพื่อรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดี ซึ่งศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 4 ราย และจับกุมได้แล้ว 1 ราย ขั้นตอนขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน จากนั้นจะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป