xs
xsm
sm
md
lg

สลด! “พะยูน” วัยน่ารักตายอีก 1 ที่ทะเลตรัง เชื่อฝีมือแก๊งล่าจากต่างถิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง – วงการอนุรักษ์สุดเศร้าหลังพบ “พะยูน” ที่เมืองตรังตายแล้ว 2 ตัว ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะตัวล่าสุดที่ถูกตัดเขี้ยวเอาไปด้วย คาดเป็นฝีมือแก๊งล่าพะยูนจากต่างถิ่น จี้ให้หน่วยงานรับผิดชอบเน่งแก้ปัญหาด่วน

วันนี้ (25 ม.ค.) เวลา 12.00 น. นางสาวกาญจนา อดุลยานุโกศล เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต ในฐานะนักวิชาการด้านพะยูนมือหนึ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสถาบันได้รับซากพะยูนวัยน่ารักอายุประมาณ 3-4 ปี เพศเมีย หนักประมาณ 300 กิโลกรัม ยาว 2.60 เมตร โดยถูกมัดไว้กับก้อนหิน ในพื้นที่บริเวณอ่าวปอ หลังเขาเจ้าไหม หมู่ที่ 6 บ้านเจ้าไหม ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งตายลงเมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา

จากการผ่าพิสูจน์เบื้องต้นพบว่า ตามร่างกายมีรอยขีดข่วนไปทั่วตัว และที่บริเวณใต้ท้องยังพบรอยแผลบาดลึกอีก 1 จุดด้วย ที่สำคัญก็คือ ในส่วนของเขี้ยวพะยูนทั้ง 2 ข้างได้ถูกลักลอบตัดเอาไปยาวประมาณข้างละ 3 เซนติเมตร เพื่อนำเอาไปขายหรืออาจนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง เครื่องประดับและอื่นๆ ตามความเชื่อแบบผิดๆ แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือของแก๊งล่าพะยูนโดยตรง เพราะจากบาดแผลที่พบคาดว่าคงตายจากเครื่องมือประมง แต่สาเหตุที่ชัดเจนต้องรอผลการสอบสวนต่อไป

นายรุ่งโรจน์ เบ็ญหมูด หรือ บังหมาน อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ที่ 6 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นแกนนำชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ และเป็นมัคคุเทศก์ประจำถิ่น ที่มีอาชีพนำนักท่องเที่ยวนั่งชมพะยูนในท้องทะเลตรัง โดยเฉพาะที่เกาะลิบง กล่าวว่า ผู้ที่พบซากพะยูนตัวนี้เป็นคนแรกคือนักท่องเที่ยวชาวไทยคนหนึ่ง ขณะกำลังเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดที่บ้านหาดยาว โดยมีการเช่าเรือซี-คยัค ไปพายเล่นในบริเวณอ่าวปอ และพบสัตว์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ถูกมัดกับก้อนหิน และซุกซ่อนอยู่กับโขดหิน

จนกระทั่งเมื่อตนเองนำเรือเข้าไปดูอย่างใกล้ชิดก็พบว่าเป็นพะยูน จึงได้ร่วมกับเพื่อนบ้านลากซากขึ้นมาที่บ้านหาดยาว อำเภอกันตัง ก่อนนำส่งไปยังสถาบันวิจัยฯที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตาย อย่างไรก็ตาม ระหว่างตนเองที่กำลังสลดใจต่อการจากไปของพะยูน ได้มีชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คนในพื้นที่เดินเข้ามาดูเหตุการณ์ด้วย แล้วร้องบอกตนเองและเพื่อนๆ ว่า ถอดเขี้ยวให้ได้ไหม ขอซื้อจ่ายสดเลย 40,000 บาท ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความมึนงงให้กับทุกคนอย่างมาก แต่ทุกคนไม่สนใจ รีบนำซากพะยูนขึ้นรถออกไปทันที

นายรุ่งโรจน์กล่าวอีกว่า ส่วนตัววิเคราะห์ว่า พะยูนตัวนี้น่าจะถูกโจรใจบาปล่า และคงจับตัวได้ตั้งแต่เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 24 มกราคม เพราะสภาพซากที่พบยังสดๆ แต่คงไม่สามารถนำตัวออกจากพื้นที่ได้ทันที จึงนำมันไปมัดไว้กับก้อนหินขนาดใหญ่ แล้วซุกซ่อนไว้บริเวณโขดหิน เพื่อรอการถอดเขี้ยว แล่เนื้อ หรือเคลื่อนย้าย จนกระทั่งนักท่องเที่ยวพายเรือซี-คยัคไปพบเข้าดังกล่าว ซึ่งเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา พบพะยูนถูกล่าตายไปแล้วถึง 26 ตัว มาปี 2553 นี้ก็ตายลงไปอีก 2 ตัวต่อเนื่องกัน ตนเชื่อว่าน่าจะต้องถูกล่าตามใบสั่งด้วยอย่างแน่นอน

แกนนำชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ตำบลเกาะลิบงระบุอีกว่า เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้เมื่อปี 2552 เคยมีกระแสข่าวว่า มีผู้ลักลอบเข้ามาล่าพะยูนในพื้นที่จังหวัดตรัง ตนเองจึงได้วางแผนร่วมกับเพื่อนๆ ที่รวมกลุ่มกันดูแลพะยูนวางแผนซุ่มรอดูกลุ่มคนร้าย แต่แคล้วคลาดกันไป จนกระทั่งมาพบพะยูนที่ตายและถูกซุกซ่อนไว้ดังกล่าว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบจัดการกับผู้ที่ลอบล่าพะยูนอย่างจริงจัง ก่อนที่สัตว์ประจำจังหวัดตรังชนิดนี้จะสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเล

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ทางสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต เพิ่งจะได้รับซากพะยูนเพศเมีย อายุ 4 ปี ยาว 1 เมตร หนัก 120 กิโลกรัม จากชาวบ้านในพื้นที่บ้านพระม่วง ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยที่ส่วนหางของพะยูนตัวดังกล่าวมีบาดแผลลึกฉกรรจ์ ซึ่งน่าจะเกิดมาจากการถูกเครื่องมือประมงชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น อวนปลา หรืออวนปู บาดเข้า จนทำให้พะยูนบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถหาอาหารกินได้ตามปกติ และสิ้นใจตายในที่สุด นับเป็นพะยูนที่ตายลงแล้วถึง 2 ตัวภายในสัปดาห์เดียวกัน นับเป็นปัญหาที่น่าวิตกกังวลและน่าห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น