ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ชาวประมงของอ.สทิงพระ จ.สงขลา จี้กรมประมงตรวจสอบก้อนปริศนา ที่เคลื่อนตัวจากทะเลมาเกยชายหาดใน 8 ตำบล หลังจากลองจุดไฟแล้วมีกลิ่นคล้ายน้ำมัน คาดเกิดจากความผิดพลาดในการขุดเจาะน้ำมันของบริษัทนิวคอสตอล ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่ง30 กม. ด้านกลุ่มประมงพื้นบ้าน 3 อำเภอนัดรวมตัวพรุ่งนี้(25 ม.ค.) ที่อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ อ.เมืองสงขลา และเปิดฉากแถลงเรื่องก้อนปริศนา และการไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีเงินชดเชยหลังเสียพื้นที่ทำกินทางทะเล
วันนี้ (24 ม.ค.) ชาวประมงอ.สทิงพระ จ.สงขลา พบวัตถุก้อนกลมเท่ากำมือคล้ายกากน้ำมัน เกลื่อนชายหาดใน 8 ตำบลของอ.สะทิงพระ ซึ่งชาวบ้านเชื่อมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทนิวคอสตอล ซึ่งตั้งห่างจากฝั่ง ประมาณ 30 กิโลเมตร(กม.) ปล่อยสู่ทะเลและส่งผลต่อระบบนิเวศตามมา จึงรีบแจ้งกองพิสูจน์หลักฐานกรมประมง อ.สทิงพระ เพื่อพิสูจน์ว่าวัตถุปริศนาเป็นอะไรกันแน่
นายเหล๊าะ สระถึง ชาวบ้าน ม.6 ต.กระดังงา อ.สทิงพระ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ตนพบก้อนน้ำมันครั้งแรกขณะออกหาปลาเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นอยู่ห่างจากบริเวณชายฝั่งเพียงประมาณ 1.5 กม. จนหลังจากนั้น 1 วัน ปรากฏว่าน้ำทะเลได้ซัดก้อนปริศนาเข้าหาชายฝั่งตลอดแนว อ.สทิงพระ ลอยเกลื่อนบริเวณชายหาดครอบคลุม 8 ตำบลในอ. สทิงพระ ได้แก่ ต.กระดังงา, สนามชัย, บ่อแดง, วัดจันทร์, บ่อด่าน, สทิงพระ, ดีหลวง และชุมพล เป็นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร
หลังจากที่ตนได้นำไม้เขี่ยก้อนปริศนาดังกล่าวดู พบว่าเป็นลักษณะเหมือนโคลนซึ่งมีเศษขยะติดอยู่ภายใน ด้วยความอยากรู้ว่าจะเป็นก้อนน้ำมันดังสันนิษฐานหรือไม่ จึงจุดไฟดู ปรากฏว่าก้อนดังกล่าวละลายเป็นน้ำและส่งกลิ่นเหม็นน้ำมัน จึงค่อนข้างแน่ใจว่า น่าจะเกิดมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทนิวคอสตอล
ด้านนายหม๊าด มรรคโช ชาวประมง ม.6 อ.สทิงพระ เปิดเผยว่า เบื้องต้นตนได้ประสานไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน กรมประมง อ.สทิงพระ เพื่อพิสูจน์ชี้ชัดเป็นน้ำมันประเภทใด เพราะก่อนหน้านี้จากการลงพื้นที่ของกรมประมงได้พิสูจน์เบื้องต้นแล้วว่าน่าจะเป็นน้ำมัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลตรวจสอบ นอกจากนี้ชาวบ้านได้พยายามประสานไปยังนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยทักษิณ เพื่อการพิสูจน์ชี้ชัดอีกด้วย
“ตั้งแต่ออกจับปลาในทะเลมาประมาณ 40 ปี ยังไม่เคยเจอปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน ตอนนี้มีชาวบ้านในพื้นที่เริ่มทราบข่าวนี้บ้างแล้ว เพราะกลิ่นไอทะเลได้เปลี่ยนไปเป็นกลิ่นของน้ำมัน แต่คนส่วนมากยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากความไม่รู้ของชาวบ้าน แต่สำหรับชาวประมงนั้นย่อมรู้ดีว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในพื้นที่ และยังสะท้อนจากปริมาณสัตว์น้ำที่หาได้ เพราะตอนนี้สัตว์น้ำต่างเปลี่ยนที่ทำกินออกไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อการทำกินของชาวประมงด้วยแน่นอน” นายหม๊าดกล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้านกลุ่มประมงพื้นบ้าน 3 อำเภอเตรียมเคลื่อนไหวต่อเรื่องดังกล่าว โดยวันพรุ่งนี้( 25 ม.ค.)ทั้งกลุ่มประมงพื้นบ้านและกลุ่มเรือประมงอวนลาก จะไปร่วมชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ อ.เมืองสงขลา เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้แก่ชาวบ้านได้ทราบอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งจะมีการแถลงข่าว 2 ประเด็น คือ กรณีพบก้อนปริศนาที่ชายฝั่ง และกรณีที่บริษัทนิวคอสตอลผิดสัญญา โดยการแจ้งยกเลิกจ่ายค่าชดเชยให้ชาวประมงเนื่องจากเสียโอกาสในพื้นที่ทำกิน
ทั้งนี้ บริษัท นิวคอสตอล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ (NuCoastal (Thailand) Limited) เป็นเจ้าของสัมปทานปิโตรเลียมหมายเลข G5/43 บริเวณอ่าวไทย ได้เริ่มขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบในทะเลห่างจากฝั่งจังหวัดสงขลา 30 กิโลเมตร ที่ละติจูด 7 องศา 31 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 100 องศา 42 ลิปดาตะวันออก เริ่มดำเนินการติดตั้งแท่นหลุมผลิต และแท่นผลิต ในระหว่างเดือนมีนาคม - สิงหาคม 2551 ดำเนินการผลิตปิโตรเลียมในเดือนมิ.ย. 2551 -2554 (รวมระยะเวลา 3 ปี) กำลังผลิตสูงสุดที่อัตรา 5,000 บาร์เรล/วัน
โดยมีแท่นผลิต 2 แท่นคู่ ห่างฝั่งตรงอำเภอสทิงพระ 16.2 ไมล์ มีเรือบรรทุกน้ำมันทอดสมอห่างแท่น 700 เมตร และมีระยะในการตั้งทุ่นลอยเตือนเขตอันตราย เนื่องจากการทำงานขุดเจาะล้อมรอบบริเวณแท่นและเรือในระยะ 500 เมตร
ก่อนหน้านี้ประมาณเดือน พ.ย.2552 ได้มีการร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยทำกินอยู่ในบริเวณ อ.สทิงพระไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร หลังจากได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากสัตว์น้ำที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณอ.สทิงพระได้ว่ายหนีหายจากพื้นที่ไปหมด
หลังจากที่ได้มีน้ำมันปนเปื้อนออกมาในทะเลมากในช่วงแรก ซึ่งทางนิวคอสตอล ได้ทำสัญญาจ้างเหมากับบริษัท ปตท.ค้าสากล (PTT International Trading Pte.Ltd.) ให้เป็นผู้รับเหมานำไปบำบัดนอกประเทศ แต่ต้องประสบกับปัญหาเนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาโดยใช้วิธีอัดกลับลงหลุมลงชั้นเปลือกโลกได้