ตรัง - ช้าง 2 เพศที่ก่อเหตุอาละวาดฆ่าคนมาแล้ว 2 ศพ กำลังประสบปัญหาบาดเจ็บอย่างหนัก จากแผลที่เกิดมาจากการยิงลูกดอกยาสลบ วอนเร่งหาทางช่วยเหลือก่อนจะแย่ไปกว่านี้
จากกรณีที่ได้เกิดเหตุช้างพลายกวม หรือพลายสีดอสมหวัง ซึ่งเป็นช้าง 2 เพศ คือ มีอวัยวะเพศผู้เหมือนช้างเชือกอื่นทั่วไป แต่กลับไม่มีงางอกออกมา ได้เกิดอาการตกมันและอาละวาดทำร้าย นายสุทัศน์ ขำคม อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 3 ตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของช้าง และควาญช้างตัวดังกล่าวจนเสียชีวิต ในพื้นที่เขตเทือกเขาบรรทัด หมู่ที่ 5 บ้านวังสมบูรณ์ ตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เมื่อเช้าวันที่ 2 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ช้างตัวดังกล่าวก็ยังเคยเกิดอาการตกมันและอาละวาดทำร้าย นายจำเนียร ขำคม อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นควาญช้างคนแรก และเป็นน้องชายของ นายสุทัศน์ ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดมาแล้วเช่นกัน เมื่อปี 2550 ปรากฏว่า จากทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ทำให้ นายสุทิน ขำคม อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของ นายสุทัศน์ ต้องประสบปัญหาหนัก รับช่วงดูแลช้างตัวนี้ต่อไป เพราะไม่มีใครสามารถดูแลได้ มีแต่นายสุทัศน์ซึ่งพอจะมีความรู้และความเข้าใจในการสื่อสารกับช้างอยู่บ้าง ก็ต้องอยู่ดูแลเพื่อจัดการเรื่องช้างต่อไปให้สำเร็จ
ทั้งนี้ เบื้องต้นในครอบครัวได้หารือกันก่อนหน้านี้ว่าจะขายช้างพลายกวม เพราะไม่อยากจะเลี้ยงเอาไว้อีก ถึงแม้ว่านายสุทินเจ้าของช้างจำเป็น จะมีความสามารถในการเลี้ยงช้างอยู่บ้าง จากประสบการณ์ที่เคยช่วยคุณพ่อในสมัยก่อนบ้างก็ตาม แต่ก็คงไม่อาจที่จะดูแลช้าง หรือเลี้ยงช้างเชือกนี้ไว้ใช้งานได้อีกต่อไป จึงจำเป็นต้องประกาศขายอย่างเร่งด่วน พร้อมกับติดต่อมูลนิธิพระคชบาล ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552 แต่จนถึงขณะนี้ทางมูลนิธิก็ยังไม่ได้แจ้งผลการพิจารณากลับมาอย่างใด
ล่าสุด วันนี้ (12 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปยังบริเวณสวนยางพารา ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด เพื่อตรวจดูสภาพล่าสุดของช้างพลายกวม หรือพลายสีดอสมหวัง ปรากฎว่า ล่าสุดช้างเชือกนี้กำลังประสบปัญหามีหนองขึ้นเต็มตัว จนสร้างความเจ็บปวดให้กับพลายกวมเป็นอย่างมาก เนื่องจากโดยเฉพาะที่บริเวณแผ่นหลังของช้าง จะมีลักษณะผิวหนังแตกออกมาเป็นชิ้นๆ และมีน้ำหนองกระจายเป็นบริเวณกว้าง โดยเกิดมาจากการถูกยิงด้วยลูกดอกยาสลบ เพื่อสยบอาการอาละวาดก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ควาญช้างได้พยายามแก้ปัญหาในเบื้องต้น ด้วยการลอกผิวหนังที่ตายออกทิ้งไป แต่ปรากฎว่า เมื่อลอกแผ่นหนังทำให้แผลเกิดน้ำหนองเน่า ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ซึ่งนายสุทินเจ้าของช้างจะได้ติดต่อไปยังสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด เพื่อให้มาช่วยดูอาการช้างพลายกวมในเบื้องต้นแล้ว และทางสัตวแพทย์ก็ได้มอบยาทั้งแบบฉีดและแบบทาไว้ให้จำนวนหนึ่ง แต่ปริมาณยาดังกล่าวนั้นมีไม่เพียงพอในการนำมารักษาช้าง
นายสุทิน กล่าวว่า ทุกวันนี้เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้กับช้างพลายกวม ตนจึงต้องยอมควักเงินไปหาซื้อยามารักษาเอง วันละ 200 บาท ซึ่งประกอบไปด้วย ยาล้างแผล และยาไพแร็ด ไวโอเล็ต โดยเฉพาะยาสำหรับฉีดแก้อาการบาดแผลอักเสบนั้นจะต้องใช้วันละ 1 ขวด แต่สำนักงานปศุสัตว์จังหหวัดตรัง สามารถให้ได้แค่สัปดาห์ละ 1 ขวดเท่านั้น ส่วน 6 วันที่เหลือ ตนจำเป็นต้องใช้เงินส่วนตัว ทั้งที่ขณะนี้ตนก็ลางานมานานกว่า 1 เดือนแล้ว และไม่รู้จะแก้ปัญหาช้างตัวนี้ได้สำเร็จเมื่อไหร่ ส่วนเงินที่เก็บสะสมเอาไว้ก็เริ่มร่อยหรอลง
นายสุทิน กล่าวอีกว่า อยากให้ทางมูลนิธิ หรือหน่วยงานแห่งใดก็ได้ เข้ามาช่วยเหลือเรื่องยาเพื่อรักษาอาการให้กับช้างพลายกวม เพราะตนเองเกิดความสงสารและอยากให้มันหายเป็นปกติ และไม่อยากให้มันต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลต่อไปอีก หรือจะช่วยขายช้างออกไปได้ก็เป็ นการดี เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของช้างดีขึ้นมากกว่านี้ เพราะตนเองไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้โดยตรง เพียงแต่ต้องเข้ามารับหน้าที่ต่อจากคุณพ่อที่เพิ่งจะเสียชีวิตไป
