ผลชันสูตรชี้ชัด "ไมเคิล แจ็กสัน" ถูกฆาตกรรม! เตรียมตั้งข้อหานพ.ส่วนตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมตั้งข้อหากับ นายแพทย์ "คอนราด เมอร์เรย์" หลังผลชันสูตรชี้ชัด การตายของ "ไมเคิล แจ็กสัน" เป็นการฆาตกรรม

คลุมเครือมานานหลายเดือน ในที่สุดผลชันสูตรการตายของนักร้องชื่อดัง "ไมเคิล แจ็กสัน" ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ และมีการระบุอย่างชัดเจนว่า การเสียชีวิตของเขาเป็นการฆาตกรรม อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากถูกฉีดยาบางประเภทผ่านทางเส้นเลือดดำโดยใครบางคนที่มีผลทำให้นักร้องชื่อดังมีอาการมึนเมาอย่างรุนแรง จนถึงแก่ความตาย

โดยมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ คอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวของนักร้องชื่อดัง อาจจะถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หลังมีการมองว่าเขาละเลยที่จะให้การรักษาต่อ ไมเคิล แจ็กสัน อย่างถูกวิธี ในชั่วโมงท้าย ๆ ก่อนที่นักร้องชื่อดังจะเสียชีวิต

ทั้งนี้แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับครอบครัวแจ็กสันกล่าว่าญาติทุกคนยังเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ “เรายังเชื่อว่ามีคนมากกว่าหนึ่งคน ที่ต้องรับผิดชอบในการเสียชีวิตของไมเคิล ซึ่ง โจ (แจ็กสัน บิดาของไมเคิล) จะไม่ยอมแพ้จนกว่าลูกชายของเขาจะได้รับความยุติธรรม”

ในผลการชันสูตรเบื้องต้นเมื่อวันที่ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ปฏิเสธที่จะให้เหตุผลการเสียชีวิตในครั้งนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการสอบสวนเพิ่มเติม และทำการชันสูตรศพใหม่โดยนายแพทย์ชื่อดัง คริสโตเฟอร์ ทอมสัน จึงมีการสรุปว่า นักร้องชื่อดังวัย 50 ปี ผู้นี้เสียชีวิตจากสาเหตุการฆาตกรรม

เมอร์เรย์ นายแพทย์ส่วนตัวของนักร้องชื่อดัง เป็นบุคคลท้ายๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุก่อนที่นักร้องชื่อดังหมดสติ หัวใจหยุดเต้นจะเสียชีวิตในบ้านที่ ลอสแองเจลลิส ในในวันที่ 25 มิ.ย. โดยเขาอ้างว่าพยายามช่วยเหลือชีวิตของราชาเพลงป๊อปคนนี้อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตของเขาไว้ได้

โดยก่อนหน้านี้ เมอร์เรย์ ได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาให้ยาโปรโพฟอล ยาสลบออกฤทธิ์รุนแรงชนิดหนึ่ง กับยาอีกบางประเภท แก่นักร้องชื่อดังจริง แต่โฆษกของเมอร์เรย์ ไม่ได้ทำอะไรที่มีผลต่อการเสียชีวิตของ ไมเคิล แจ็กสันอย่างแน่นอน

หลังจากการเสียชีวิตอย่างปริศนาเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม จนกระทั่งเสร็จสิ้นในปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา มีการไต่สวนพยามจำนวนมากมายหลายปากตั้งแต่ คนที่อยู่ใกล้ชิด, เจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในวันที่นักร้องชื่อดังเสียชีวิต และทีมงานส่วนหนึ่ง ที่ทำงานกับเขาระหว่างการเตรียมความพร้อม คอนเสิร์ต Michael Jackson's This is It

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ ยังสอบถามความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทางแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับมาตรฐานการให้ยโดยทั่วไป ถึงความเป็นไปได้ ที่การดูแลรักษาและให้ยาหลายประเภทของ เมอร์เรย์ จะเข้าข่ายเป็นการกระทำอันสะเพร่า จนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ไมเคิล แจ็คสัน ต้องถึงแก่ความตายหรือไม่

สำหรับขั้นตอนต่อไปหลังจากมีบทสรุปของผลชันสูตรออกมาในครั้งนี้ สำนักงานอัยการเขตกำลังรอให้ตำรวจลอสแองเจลลิสส่งคืนสำนวนคดี และนำเสนอต่อคณะลูกขุนชุดใหญ่ เพื่อทำการสั่งฟ้องอีกต่อหนึ่ง โดยโฆษกหญิงของสำนักงานอัยการได้แถลงว่า“ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายกับเรื่องนี้ อัยการยังต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป”

ถึงตอนนี้จากผลชันสูตรหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะมีการตั้งข้อหาฆาตกรรมในคดีนี้กับ คอนราด เมอร์เรย์ แต่พนักงานอัยการที่รับผิดชอบคดีครั้งนี้ ได้ให้ความเห็นว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับการตัดสินใจของคณะลูกขุน หรือกระทั่งการต่อสู้คดีในชั้นศาล

เจ้าหน้าที่อัยการต้องพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มีการกระทำที่เป็นความประมาทอย่างร้ายแรงจนเกิดความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บอย่างร้ายแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแพทย์ผู้ทำการรักษา ทราบถึงความเสี่ยงดังกล่าวดีอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังต้องมีการพิสูจน์ด้วยว่า คนไข้เองได้ทราบถึงความเสี่ยงดังกล่าว และเป็นผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจอยู่ด้วยหรือไม่

ทางฝ่าย เจ ไมเคิล ฟลาเนแกน ทนายความของ คอนราด เมอร์เรย์ ได้ให้ความเห็นว่า ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะมีการตั้งข้อหาฆาตกรรม อย่างไรก็ตามเขายังแสดงความมั่นใจในลูกความ และอ้างว่าเคยชนะในคดีลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว เมื่อนางพยาบาลคนหนึ่งถูกตั้งขอหา หลังให้ยาคนไข้จนเสียชีวิต จนเกิดการฟ้องร้องแต่สามารถชนะคดีได้ด้วยการว่าความของ ฟลาเนเกน

ฟลาเนแกน ยังให้ความเห็นว่านี้ไม่ใช่บทสรุปของคดีความ และยังต้องมีการต่อสู้กันอีกหลายยก โดยเฉาะอย่างยิ่งมันเป็นเรื่องยากในการพิสูจน์หลักฐาน ว่าคดีครั้งนี้เป็นการฆาตกรรมโดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่งถ้ามีข้อพิสูจน์เพียงเล็กน้อย ว่ามีความผิดพลาดในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม คอนราด เมอร์เรย์ ก็อาจรอดพ้นจากข้อหาฆาตกรรมได้ในที่สุด