ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เด็กภูเก็ตคว้าเหรียญทองการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกปี 2009 เดินทางกลับถึงภูเก็ตท่ามกลางการต้อนรับที่อบอุ่น เผยเตรียมสอบ International โอลิมปิก ฟิสิกส์
วันนี้ (16 ธ.ค.) ด.ช.พีรศักดิ์ แซ่อึ๋ง นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนสตรีภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 6 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจัน ในระหว่างวันที่ 2-11 ธันวาคมที่ผ่านมา และสามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันมาครองได้ด้วยคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่งจากตัวแทนประเทศไทยที่ไปร่วมการแข่งขัน 6 คน และได้คะแนนสูงเป็นอันดับที่ 6 จากจำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศทั่วโลกจำนวน 260 คน ได้เดินทางกลับถึงจังหวัดภูเก็ตแล้ว โดยมี ครอบครัว พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ ปิลวาสน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีภูเก็ต อาจารย์ และเพื่อนๆ ร่วมต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งที่บริเวณสนามบินภูเก็ต และที่โรงเรียนสตรีภูเก็ต
สำหรับ ด.ช.พีรศักดิ์ นั้นถือว่าเป็นเด็กนักเรียนคนแรกของจังหวัดภูเก็ตที่สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิก ระหว่างประเทศมาครองได้สำเร็จ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ตัวแทนจากประเทศไทยที่ไปร่วมการแข่งขันสามารถคว้าเหรียญมาได้ทั้งหมด โดยเป็นเหรียญทอง 3 เหรียญ และเหรียญเงินจำนวน 3 เหรียญ
ด.ช.พีรศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากทราบผลการแข่งขันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากและรู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต โรงเรียนสตรีภูเก็ต และที่สำคัญคือครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากครอบครัวและโรงเรียนในการให้ความรู้ทางด้านต่างๆ และหลังจากนี้จะต้องมีการเตรียมความพร้อมและศึกษาเพิ่มเติมให้มากขึ้น ซึ่งตั้งความหวังไว้ว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันเอเชี่ยนฟิสิกก์โอลิมปิก และ International โอลิมปิก ฟิสิกส์ ต่อไป
ด.ช.พีรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ระหว่างการแข่งขันนั้นรู้สึกกดดันมากเพราะทำคะแนนในการสอบแข่งขันวันที่ 2 ไม่ดี แต่ก็ได้กำลังใจจากเพื่อนๆ และสามารถสอบแข่งขันจนได้คะแนนรวมมากที่สุดในกลุ่มตัวแทนจากประเทศไทยโดยทำคะแนนรวมทั้ง 3 วิชา คือวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา จำนวน 88.41 คะแนน
ขณะที่ นางนวลพิศ แซ่อึ๋ง มารดาของเด็กชายพีรศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ลูกสามารถทำได้และคว้าเหรียญทองมาได้ในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาทางครอบครัวพยายามที่จะส่งเสริมให้ลูกเรียนตามที่ต้องการแต่จะไม่กดดันหรือบีบบังคับ ซึ่งครอบครัวทำธุรกิจส่วนตัวจึงมีเวลาที่จะดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ทั้งเรื่องของการเรียน และเรื่องของอาหารการกิน
ส่วนต่อไปในอนาคตนั้นก็ขึ้นอยู่กับลูกว่าอยากที่จะทำอะไร หรืออยากจะสอบแข่งขันอะไรซึ่งทางครอบครัวพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่