“ชาวเกาะราชา” ร้องผู้ว่าฯ ภูเก็ตนายทุนโรงแรมปิดถนนประวัติศาสตร์ของเกาะ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านเกาะราชา หมู่ 3 ตำบลราไวย์ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าฯภูเก็ต โดวยนายทุนสร้างโรงแรมปิดเส้นทางดั่งเดิมของชาวบ้าน ขณะที่การขนวัสดุก่อสร้างทำให้ปะการังได้รับความเสียหาย ระบุส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวบ้านและการท่องเที่ยวเกาะราชาซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการเริ่มนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำชมปะการังที่อื่นแทน

วันนี้ (8 ธ.ค ) ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเองเกาะราชา หมู่ที่ 3 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 3, หมู่ 4, หมู่ 5 นำโดย นายสฤษดิ์ จันทร์ดี ประธานชมรมอนุรักษ์เกาะราชา นายสุชาติ ใจเหล็ก รองประธานชมรม นายโสภณ สุขรินทร์ รองประธานฯ รวมตัวกันเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการต่อผู้ที่ทำให้สภาพแวดล้อมของเกาะราชาโดยเฉพาะแนวปะการังได้รับความเสียหาย ต่อนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และนายประสาร มฤคพิทักษ์ คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจิตรและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุติสภา

โดย นายสฤษดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันชาวบ้านได้รับความเดือนร้อนจากการเข้าไปพัฒนาโครงการของกลุ่มนายทุนจากนอกพื้นที่ที่มีปัญหาความขัดแย้งกับชาวบ้านและมีการปิดถนนเส้นแรกที่ชาวบ้านบนเกาะใช้กันมากว่า 80 ปี ไม่ให้ชาวบ้านใช้ถนนสายดังกล่าวโดยอ้างว่าอยู่ในที่ส่วนบุคคล ซึ่งทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะเส้นทางดังกล่าวนั้นชาวบ้านได้ใช้สำหรับการขนถ่ายสินค้าเกษตร ขนถ่านสินค้าเพื่อลงเรือหางยาวและอื่นๆ แต่ปัจจุบันไม่สามารถที่จะใช้เส้นทางดังกล่าวได้ จึงอยากให้ทางจังหวัดตรวจสอบเรื่องของเอกสารสิทธิ์ รวมทั้งเรื่องของการก่อสร้างว่าได้รับอนุญาตให้มีการก่อสร้างหรือไม่

นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องของการทำลายสิ่งแวดล้อมซึ่งล่าสุดมีเรื่องของเรือแพขนวัสดุก่อสร้างทำให้ปะการังน้ำตื้นบริเวณอ่าวสยามได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการถมคูคลอง การขุดทรายบริเวณชายหาด และการสร้างถนนตัดภูเขา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

นายสฤษดิ์กล่าวต่อไปว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งจะถือเป็นเดิมพันสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพราะถ้าหน่วยงานราชการไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในส่วนของชาวบ้านซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเองเกาะราชาเพื่อช่วยกันดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของเกาะราชาก็คงต้องยุติบทบาทในการดูแลทรัพยากรกรเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกินกำลังของชาวบ้านในการที่จะดุแลแล้ว

ด้าน นายโสภณ สุขรินทร์ รองประธานชมรมอนุรักษ์เกาะราชา กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ได้ห้ามไม่ให้มีการก่อสร้างหรือการพัฒนาที่ดินแต่อยากให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ที่ผ่านมาก้ได้มีความพยายามกันอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและป้องกันไม่ให้สิ่งแวดล้อมเสียหายและเคยมีการตกลงร่วมกันว่าในการส่งสินค้าหรือวัสดุก่อสร้างให้ไปใช้ที่บริเวณอ่าวทือแทนอ่าวสยามเนื่องจากอ่าวสยามนั้นเป็นพื้นที่ที่มีแนวปะการังน้ำตื้นและมีหาดทรายเมื่อมีเรือเข้าไปก็จะทำให้แนวปะการังเสียหายและสร้างความตกใจให้กับนักท่องเที่ยวได้

แต่เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีปัญหาเกิดขึ้นจนได้โดยเรือขนส่งวัสดุก่อสร้างยืนยันที่จะเข้าไปจอดที่อ่าวสยามเพื่อขนวัสดุก่อสร้างขึ้นฝั่งซึ่งผลการดำเนินการดังกล่าวทำให้ปะการังน้ำตื้นได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการบนเกาะช่วยกันเพิ่มแนวปะการังเทียมโดยการจมเรือแต่เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านหมดกำลังใจและรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

นายโสภณกล่าวต่อไปว่า จากความเสียหายของปะการัง ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวดำน้ำของเกาะราชาแล้วโดยขณะนี้ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวเกาะราชาได้นำนักท่องเที่ยวกลุ่มดำน้ำไปดำน้ำที่อื่นแทนแล้ว เนื่องจากมีการรบกวนและปะการังได้รับความเสียหายซึ่งเดิมมีนักท่องเที่ยวกลุ่มน้ำเข้าไปดำน้ำที่เกาะราชาวันละประมาณ 200-300 คน แต่ขณะนี้พบว่ามีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด

นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องของการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ และเรื่องนี้ทราบจากชาวบ้านทั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้วและสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการแล้วส่วนการปิดทางชาวบ้านนั้นจะเข้าไปตรวจสอบและจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดหลังจากนี้ตนจะลงไปในพื้นที่เผื่อดูพื้นที่ที่เป็นจริงด้วยตัวเอง และในส่วนของผู้ประกอบการก็จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย

ด้าน นายประสารกล่าวว่า หลังจากรับเรื่องจากชาวบ้านแล้วจะไปตรวจสอบรายละเอียด และจะรับฟังปัญหาจากชาวบ้านอีกครั้งเพราะจากการรับฟังในเบื้องต้นชาวบ้านกำลังช่วยกันดูแลรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมแต่กลับมีผู้มาทำลายซึ่งเรื่องนี้จะต้องช่วยกันดูแลและหลังจากดูรายละเอียดแล้วจะนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการด้วยฯ