ชาวภูเก็ตร่วมปล่อยเต่าทะเล 583 ตัว คืนสู่ธรรมชาติเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสำเด็จพระเจ้าอยู่หัว และช่วยอนุรักษ์พันธ์เต่าทะเลที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์
วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่บริเวณชายหาดหน้ากองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทัพเรือภาคที่ 3 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จัดให้มีพิธีถวายพระพรชัยมงคลและปล่อยพันธุ์เต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 โดยพลเรือโทชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล และปล่อยเต่าทะเลเป็นจำนวนมาก
พลเรือโทชุมนุม กล่าวว่า สำหรับการปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาตินั้นเพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเพื่อเพิ่มจำนวนเต่าในทะเลให้มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้มีแนวโน้มใกล้ที่จะสูญพันธุ์จึงจำเป็นที่จะต้องช่วยกันอนุรักษ์เต่าทะเล โดยเต่าที่นำมาปล่อยในครั้งนี้ มีจำนวน 583 ตัว ซึ่งมีความหมายเลข 5 เป็นตัวเลขตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับเลข 83 เป็นตัวเลขที่แสดงออกถึงพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 83 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม2553
สำหรับเต่าทะเลที่นำมาปล่อยนั้นเป็นเต่าทะเลที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลด้านฝั่งทะเลอันดามันของกองทัพเรือ ที่ทัพเรือภาคที่ 3 รับผิดชอบดูแล โดยมีที่ตั้งศูนย์ ฯ อยู่ในพื้นที่ ฐานทัพเรือพังงา อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ได้นำเอาลูกเต่าทะเลที่เจริญเติบโตจากที่แม่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ไว้ที่ เกาะหูยง ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา มาอนุบาลที่ศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเลให้เจริญเติบโต ประมาณ 6 เดือน จึงจะนำมาปล่อยสู่ทะเล เพื่อให้เต่ามีอัตรารอดชีวิตมากขึ้น
พลเรือโทชุมนุม กล่าวต่อไปว่า นอกจากจะให้มีพิธีถวายพระพรชัยมงคล และปล่อยพันธุ์เต่าทะเล คืนสู่ธรรมชาติเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแล้ว ทางทัพเรือภาคที่ 3 ยังจัดให้มีพิธีลงนามถวายพระพรและจัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่มีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลตามแนวพระราชดำริด้วย นอกจากนั้นยังจัดให้มีกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ของกำลังพลในทัพเรือภาคที่ 3 โดยร่วมทำความสะอาดความสะอาดบริเวณศาล พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระเจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และพัฒนาทำความสะอาด ณ วัดประชุมศึกษา อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาด้วย
