ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภูเก็ต จี้ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสางคดีนักท่องเที่ยวถูกฆาตกรรม หวั่นปล่อยไว้อาจทำให้ต่างชาติมองภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ปลอดภัย
นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ/ผอ.สำนักงานอำนวยการบูรณาการการประสานความร่วมมือ และติดตามเร่งรัดงานตามโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ประชุมร่วมกับ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต รวมถึงปัญหาการบริการ ปัญหาด้านการป้องกันและเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ปัญหาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยว และตรวจความพร้อมของระบบเตือนภัย รวมทั้งเดินทางไปติดตามโครงการพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ หอเตือนภัยที่หาดป่าตอง และสถานที่ก่อสร้างโครงการอนุสรณ์สถานถลางชนะศึก
จังหวัดภูเก็ตได้รายงานสถานการณ์ทางด้านการท่องเที่ยวของภูเก็ตในขณะนี้ว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซันแล้ว นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีชาร์เตอร์ไฟลต์บินตรงจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก
ส่วนปัญหาด้านการท่องเที่ยวจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามที่จะแก้ไขให้หมดไป ล่าสุดจังหวัดได้แก้ไขปัญหาเจ็ตสกีเอาเปรียบนักท่องเที่ยว โดยการให้เจ็ตสกีทุกลำทำประกันภัย และปัญหาอื่นๆ อยู่ระหว่างที่ทางจังหวัดกำลังดำเนินการ
ส่วนหอเตือนภัยนั้น จากหอเตือนภัยนั้นมีทั้งหมด 19 หอ ปรากฏว่ามีเสียงดัง 17 หอ และเสียงไม่ดัง 2 หอ อยู่ระหว่างการปรับปรับแก้ไข
ขณะที่นายสรายุทธ์ มัลลัม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตในขณะนี้ให้ที่ประชุมทราบว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตเริ่มดีขึ้นและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับ จากการที่นักท่องเที่ยวจองห้องพักในระยะที่สั้นโดยจะจองล่วงหน้าแค่ 2-3 เดือนก่อนการเดินทางเท่านั้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทาง 3-4 ชั่วโมงจะจองห้องพักในระยะสั้นๆ และขณะนี้จากการหารือกับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯล่าสุดปรากฏว่าอัตราเข้าพักโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 70% ในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ส่วนโรงแรมระดับ 1-2 ดาวนั้นอัตราเข้าพักจะต่ำกว่านี้
“แนวโน้มการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่สถาการณ์ทางการเมืองในประเทศที่สงบลง และปกติแล้วหากไม่เกิดเหตุการณ์อะไร อัตราการเข้าพักในช่วงไฮซีชั่นของภูเก็ตจะอยู่ที่ประมาณ 90%”
นายสรายุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเอกชนนั้นเป็นห่วงในเรื่องของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ต ทั้งปัญหาขยะ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภูเก็ตแล้วถูกทำร้ายร่างกายจนเสียตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงขณะนี้มีอยุ่ 3 คดีที่ไม่มีความคืบหน้า โดยนักท่องเที่ยวที่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตนั้นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภูเก็ตเป็นอันดับต้นๆ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเท่าที่ทราบมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เห็นหน้าตาของผู้ก่อเหตุ แต่จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถที่จะตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ และหากเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้อีกก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ภูเก็ตว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ปลอดภัย
ด้านนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวถูกทำร้ายจนเสียชีวิตนั้นถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะรับไปที่จะไปเร่งรัดให้เพราะเป็นภาพ]ักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวที่จะต้องมีความปลอดภัย ส่วนปัญหาอื่นๆ นั้นอยากจะให้ทางจังหวัด ส่วนราชการภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมมือกันในการแก้ปัญหาและร่วมมือการพัฒนาให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้
นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ/ผอ.สำนักงานอำนวยการบูรณาการการประสานความร่วมมือ และติดตามเร่งรัดงานตามโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ประชุมร่วมกับ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต รวมถึงปัญหาการบริการ ปัญหาด้านการป้องกันและเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ปัญหาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยว และตรวจความพร้อมของระบบเตือนภัย รวมทั้งเดินทางไปติดตามโครงการพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ หอเตือนภัยที่หาดป่าตอง และสถานที่ก่อสร้างโครงการอนุสรณ์สถานถลางชนะศึก
จังหวัดภูเก็ตได้รายงานสถานการณ์ทางด้านการท่องเที่ยวของภูเก็ตในขณะนี้ว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซันแล้ว นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีชาร์เตอร์ไฟลต์บินตรงจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก
ส่วนปัญหาด้านการท่องเที่ยวจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามที่จะแก้ไขให้หมดไป ล่าสุดจังหวัดได้แก้ไขปัญหาเจ็ตสกีเอาเปรียบนักท่องเที่ยว โดยการให้เจ็ตสกีทุกลำทำประกันภัย และปัญหาอื่นๆ อยู่ระหว่างที่ทางจังหวัดกำลังดำเนินการ
ส่วนหอเตือนภัยนั้น จากหอเตือนภัยนั้นมีทั้งหมด 19 หอ ปรากฏว่ามีเสียงดัง 17 หอ และเสียงไม่ดัง 2 หอ อยู่ระหว่างการปรับปรับแก้ไข
ขณะที่นายสรายุทธ์ มัลลัม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตในขณะนี้ให้ที่ประชุมทราบว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตเริ่มดีขึ้นและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับ จากการที่นักท่องเที่ยวจองห้องพักในระยะที่สั้นโดยจะจองล่วงหน้าแค่ 2-3 เดือนก่อนการเดินทางเท่านั้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทาง 3-4 ชั่วโมงจะจองห้องพักในระยะสั้นๆ และขณะนี้จากการหารือกับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯล่าสุดปรากฏว่าอัตราเข้าพักโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 70% ในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ส่วนโรงแรมระดับ 1-2 ดาวนั้นอัตราเข้าพักจะต่ำกว่านี้
“แนวโน้มการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่สถาการณ์ทางการเมืองในประเทศที่สงบลง และปกติแล้วหากไม่เกิดเหตุการณ์อะไร อัตราการเข้าพักในช่วงไฮซีชั่นของภูเก็ตจะอยู่ที่ประมาณ 90%”
นายสรายุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเอกชนนั้นเป็นห่วงในเรื่องของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ต ทั้งปัญหาขยะ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภูเก็ตแล้วถูกทำร้ายร่างกายจนเสียตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงขณะนี้มีอยุ่ 3 คดีที่ไม่มีความคืบหน้า โดยนักท่องเที่ยวที่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตนั้นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภูเก็ตเป็นอันดับต้นๆ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเท่าที่ทราบมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เห็นหน้าตาของผู้ก่อเหตุ แต่จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถที่จะตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ และหากเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้อีกก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ภูเก็ตว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ปลอดภัย
ด้านนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวถูกทำร้ายจนเสียชีวิตนั้นถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะรับไปที่จะไปเร่งรัดให้เพราะเป็นภาพ]ักษณ์ของเมืองท่องเที่ยวที่จะต้องมีความปลอดภัย ส่วนปัญหาอื่นๆ นั้นอยากจะให้ทางจังหวัด ส่วนราชการภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมมือกันในการแก้ปัญหาและร่วมมือการพัฒนาให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้
