ปัตตานี – ผู้ว่าฯ ปัตตานี สั่งเฝ้าระวังและแจ้งเตือนพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ยังคงเจอคลื่นลมแรงและส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน โดยเฉพาะถนนเรียบชายฝังที่กำลังได้รับความเสียหายหนักจากคลื่นกัดเซาะ
วันนี้ ( 3 ธ.ค. ) นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนติดแนวชายฝั่งทะเลตั้งแต่ อ.หนองจิก อ.เมือง อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.สายบุรี และ อ.ไม้แกน หลังพบคลื่นลมแรงอาจส่งผลกระทบทำให้บ้านเรือนและการเลี้ยงสัตว์น้ำแนวชายฝั่งได้รับความเสียหายหนัก เบื้องต้นสั่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตั้งศูนย์เฝ้าระวังพร้อมออกช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังพบว่าถนนพื้นที่ติดชายฝั่งในหลายอำเภอยังคงได้รับผลกระทบถูกคลื่นกัดเซาะเสียหายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถนนเส้นอำเภอยะหริ่ง – ปะนาเระ – สายบุรี ที่ก่อนหน้านี้ถูกคลื่นกัดเซาะจนถนนขาดใช้การไม่ได้ก็ยิงพังเสียหายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถซ่อมแซมได้จนกว่าคลื่นลมในทะเลจะสงบเป็นเหตุให้ชาวบ้านที่ใช้เส้นทางระหว่างหมู่บ้านกว่า 3,000 คน ยังคงได้รับความเดือดร้อนหนักต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ยังคงสั่งเฝ้าระวังและติดตามปริมาณน้ำฝนและน้ำป่าไหลหลากเหนือเขื่อนบางลาง รวมทั้งน้ำที่เอ่อล้นจาก อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ที่จะระบายลงสู่ทะเลโดยผ่านแม่น้ำสายหลักทั้งแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มติดแม่น้ำทั้งสองแห่งได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม จ.ปัตตานี ได้ออกประกาศแจ้งเตือนภาวะฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากอาจส่งผลให้เข้าท่วมพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ จนถึงปลายเดือนธันวาคม จึงขอแจ้งให้ประชาชนมีการติดตามการพยากรณ์อากาศและการออกประกาศแจ้งเตือนของจังหวัดอย่างใกล้ชิดด้วย
วันนี้ ( 3 ธ.ค. ) นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนติดแนวชายฝั่งทะเลตั้งแต่ อ.หนองจิก อ.เมือง อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.สายบุรี และ อ.ไม้แกน หลังพบคลื่นลมแรงอาจส่งผลกระทบทำให้บ้านเรือนและการเลี้ยงสัตว์น้ำแนวชายฝั่งได้รับความเสียหายหนัก เบื้องต้นสั่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตั้งศูนย์เฝ้าระวังพร้อมออกช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังพบว่าถนนพื้นที่ติดชายฝั่งในหลายอำเภอยังคงได้รับผลกระทบถูกคลื่นกัดเซาะเสียหายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถนนเส้นอำเภอยะหริ่ง – ปะนาเระ – สายบุรี ที่ก่อนหน้านี้ถูกคลื่นกัดเซาะจนถนนขาดใช้การไม่ได้ก็ยิงพังเสียหายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถซ่อมแซมได้จนกว่าคลื่นลมในทะเลจะสงบเป็นเหตุให้ชาวบ้านที่ใช้เส้นทางระหว่างหมู่บ้านกว่า 3,000 คน ยังคงได้รับความเดือดร้อนหนักต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ยังคงสั่งเฝ้าระวังและติดตามปริมาณน้ำฝนและน้ำป่าไหลหลากเหนือเขื่อนบางลาง รวมทั้งน้ำที่เอ่อล้นจาก อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ที่จะระบายลงสู่ทะเลโดยผ่านแม่น้ำสายหลักทั้งแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มติดแม่น้ำทั้งสองแห่งได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม จ.ปัตตานี ได้ออกประกาศแจ้งเตือนภาวะฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากอาจส่งผลให้เข้าท่วมพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ จนถึงปลายเดือนธันวาคม จึงขอแจ้งให้ประชาชนมีการติดตามการพยากรณ์อากาศและการออกประกาศแจ้งเตือนของจังหวัดอย่างใกล้ชิดด้วย
