ปัตตานี – ชาวบ้านจังหวัดปัตตานีที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณปากอ่าวปัตตานีกว่า 200 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากที่ฝนตกหนักและมีคลื่นลมแรง ส่งผลทำให้เกิดน้ำทะเลหนุนล้นพนังปูนเขื่อนกั้นน้ำความยาวกว่า 2 กิโลเมตร พร้อมให้ชาวบ้านติดตามรายงานสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่ ม.9 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ชาวบ้านที่สร้างบ้านเรือนอยู่ใกล้กับทะเลบริเวณปากอ่าวปัตตานี กว่า 200 หลังคาเรือนต้องอยู่อย่างหวาดผวา หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลา 23.00 น.ได้เกิดน้ำทะเลหนุนทะลักเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนหมู่บ้าน ผลพวงมาจากช่วงเช้าวานนี้จนถึงวันนี้มีฝนตกหนักตลอดทั้งวันทั้งคืนประกอบกับคลื่นลมในทะเลที่มีกำลังรุนแรงมีคลื่นสูง 3-4 เมตร ได้ซัดเข้าหาฝั่ง
ส่งผลทำให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูงกว่า 2 เมตร และได้ทะลักล้นพนังปูนเขื่อนกั้นน้ำความสูงเมตรครึ่ง ซึ่งสร้างไว้สำหรับป้องกันคลื่นกัดเซาะริมฝั่ง รวมทั้งป้องกันน้ำทะเลที่จะทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน ซึ่งมีชาวบ้านที่อยู่บ้านเรือนอยู่ใกล้พนังปูนตลอดความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ต่างก็เร่งขนข้าวของ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และสัตว์เลี้ยงหนีน้ำไปไว้ในที่สูง
เนื่องจากในขณะนี้สถานการณ์ฝนที่ตกหนักติดต่อกันและระดับน้ำทะเลที่เกิดจากคลื่นลมแรงในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงหนุนสูงทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่หลังพนังปูนกั้นน้ำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงทั้ง เป็ด ไก่ และแพะที่ชาวบ้านทำคอกเลี้ยงไว้บริเวณพนังปูนกั้นน้ำยังได้รับความเสียหายถูกน้ำท่วมและตายไปแล้วหลายตัว
ส่วนที่ ม.1 บ.บูดี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงกว่า 40 เซนติเมตร และไหลเข้าท่วมในหมู่บ้านประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวน 50 หลังคาเรือน โดยล่าสุดทางนายอำเภอยะหริ่ง ได้จัดส่งกำลัง อส. และ ชรบ.ลงพื้นที่ช่วยขนย้ายสิ่งของให้กับชาวบ้านเพื่อนำไปไว้ยังที่สูง พร้อมทั้งจัดกำลังส่วนหนึ่งร่วมกับชาวบ้านคอยเฝ้าระวังติดตามและรายงานสถานการณ์น้ำทะเลตลอด 24 ชั่วโมง ไว้คอยป้องกันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สภาพฝนในพื้นที่ จ.ปัตตานี ขณะนี้ยังคงตกชุกและหนักติดต่อกันทั้งวันทั้งคืนเข้าสู่วันที่ 2 แล้ว ซึ่งเป็นเหตุทำให้น้ำท่วมฉับพลันหลายจุด เนื่องจากคูระบายน้ำตามเส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะหน้าโรงเรียนไม่สามารถระบายน้ำฝนได้ทัน ซึ่งก็เป็นเหตุให้การจราจรติดขัด สร้างความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก
