ศูนย์ข่าวภูเก็ต- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เน้นย้ำผู้บริหารสถานศึกษา ทำโครงการภายไต้งบ “ไทยเข้มแข็ง” ให้มีความโปรงใสเกิดประโยชน์ต่อวงการศึกษาจริงๆ
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเป็นประธานการมอบนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษที่ 2 (2552-2561) ให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ เกี่ยวกับการจัดทำโครงการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า
ได้สั่งกำชับอย่างชัดเจนให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องกับนโยบายไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง โดยในปี 2553 กระทรวงศึกษาธิการมีงบประมาณสูงถึงประมาณ 40,000 ล้านบาท
ในส่วนของกรมอาชีวะได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวนประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องไปดูให้เกิดความโปร่งใสและในช่วงที่ผ่านมาได้ทำหนังสือไปถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ว่า ขอให้เข้มงวดกับโครงการของกระทรวงศึกษาธิการเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า จะมีคนโกง หรือทำไม่ถูกต้อง แต่ขอให้เข้มงวด เพราะต้องการให้ทุกอย่างมีความโปร่งใส และหากพบว่าโครงการใดดำเนินการไม่ถูกต้อง หรือส่อไปในทางที่ไม่ถูกต้องและไม่ได้รับการอนุมัติ ขอให้แจ้งตนทราบทุกกรณีด้วยเพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ตนต้องการเห็นการใช้เงินก้อนนี้มีความโปร่งใสและเกิดประโยชน์ต่อวงการการศึกษาจริงๆ ทั้งงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารเรียน สถานที่และงบประมาณที่ใช้จัดซื้อครุภัณฑ์ และได้สั่งการด้วยว่าให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูเรื่องของสเปค ซึ่งจะต้องทำให้ถูกต้อง หากสเปคใดไม่ถูกต้องหรือไม่ได้ตามที่กำหนด จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ที่ดำเนินการในเรื่องนั้นๆ
ในขณะที่การจัดซื้อจัดจ้าง ก็จะต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบเช่นเดียวกัน เมื่อมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนอกจากสำนักงบประมาณ จะไม่อนุมัติโครงการแล้วยังจะมีการไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเป็นประธานการมอบนโยบายการปฏิรูปการศึกษา ในทศวรรษที่ 2 (2552-2561) ให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ เกี่ยวกับการจัดทำโครงการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า
ได้สั่งกำชับอย่างชัดเจนให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องกับนโยบายไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง โดยในปี 2553 กระทรวงศึกษาธิการมีงบประมาณสูงถึงประมาณ 40,000 ล้านบาท
ในส่วนของกรมอาชีวะได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวนประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะต้องไปดูให้เกิดความโปร่งใสและในช่วงที่ผ่านมาได้ทำหนังสือไปถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ว่า ขอให้เข้มงวดกับโครงการของกระทรวงศึกษาธิการเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า จะมีคนโกง หรือทำไม่ถูกต้อง แต่ขอให้เข้มงวด เพราะต้องการให้ทุกอย่างมีความโปร่งใส และหากพบว่าโครงการใดดำเนินการไม่ถูกต้อง หรือส่อไปในทางที่ไม่ถูกต้องและไม่ได้รับการอนุมัติ ขอให้แจ้งตนทราบทุกกรณีด้วยเพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ตนต้องการเห็นการใช้เงินก้อนนี้มีความโปร่งใสและเกิดประโยชน์ต่อวงการการศึกษาจริงๆ ทั้งงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารเรียน สถานที่และงบประมาณที่ใช้จัดซื้อครุภัณฑ์ และได้สั่งการด้วยว่าให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูเรื่องของสเปค ซึ่งจะต้องทำให้ถูกต้อง หากสเปคใดไม่ถูกต้องหรือไม่ได้ตามที่กำหนด จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ที่ดำเนินการในเรื่องนั้นๆ
ในขณะที่การจัดซื้อจัดจ้าง ก็จะต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบเช่นเดียวกัน เมื่อมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนอกจากสำนักงบประมาณ จะไม่อนุมัติโครงการแล้วยังจะมีการไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย