xs
xsm
sm
md
lg

ยุวมุสลิมฯแนะ “มาร์ค” ควรถือโอกาสทำ MOU กับนายกฯมาเลย์แก้ปัญหา จชต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา - ที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย มองว่า นายกรัฐมนตรีไทยควรถือโอกาสทำเอ็มโอยูกับนายกฯมาเลเซีย ในโอกาสประชุมหารือแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ 9 ธ.ค.นี้ ด้านที่ปรึกษาหอการค้า แนะรัฐบาลแก้ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ เพื่อให้สถานการณ์ใต้มีความสันติสุข

วันนี้ (2 ธ.ค.) นายอาซีส ตาเดอินทร์ ที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวถึง นายกราชีพ ราชัค นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย มีกำหนดเดินทางมาพบ นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย เพื่อประชุมปรึกษาหารือและพร้อมเดินทางลงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า การเดินทางของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาประเทศไทย เป็นสิ่งที่ดี ได้พูดคุยปัญหาที่เกิดขึ้น ให้รัฐบาลได้มีความจริงใจในการแก้ปัญหา อันที่จริงมาเลเซียมีส่วนที่จะช่วยไทยได้มาก อย่างน้อย 3 จังหวัดมีชายแดนติดกัน

ในส่วนของการศึกษามาเลเซียช่วยได้มาก เพราะประชาชนในพื้นที่ก็อยากจะเข้าไปศึกษาในประเทศมาเลเซีย อยากให้รัฐบาลแสดงความจริงใจว่าภาคใต้ประชาชนโดยส่วนใหญ่ที่ต้องการให้กระจายอำนาจอย่างแท้จริงพูดออกมา และมีแนวทางที่ชัดเจนมากกว่าที่เป็นอยู่ และการมาพบกันนั้น ถ้าจะให้เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นว่าทางมาเลเซียจะให้ความร่วมมืออะไรบ้าง ด้านความมั่นคงจะทำการอย่างไร การลงทุนการเศรษฐกิจเป็นต้น ซึ่งจะต้องมีการทำข้อตกลง MOU ไม่ใช่ว่ามาพูดคุยกันเพียงอย่างเดียว

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า จะมีการก่อการร้ายจากตะวันออกกลางหรือแอฟริกานั้น นายอาซีส กล่าวว่า จะมีข่าวออกมาโดยตลอด โดยเฉพาะเวลาจะมีบุคคลสำคัญเข้ามาในพื้นที่ อย่างน้อยจะสร้างความชอบธรรมในข้ออ้างของการรักษาความปลอดภัย ซึ่งรัฐบาลน่าจะชี้ออกมาชัดเจนว่ามีกลุ่มไหน เคลื่อนไหวกันอย่างไร ไม่ใช่ว่าออกข่าวมาอย่างนี้จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและเพิ่มความหวาดกลัวมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างนานาชาติมีความสนใจอยู่แล้ว ไม่ว่าสหภาพยุโรป ยูเอ็น หรืออย่างประเทศมาเลเซีย เพื่อนบ้าน เป็นต้น แต่ทางประเทศไทยพยายามที่จะบอกว่าเป็นปัญหาภายใน ไม่อยากให้ไปสู่ภายนอก ซึ่งหากว่ามีขบวนการจากต่างชาติเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่จริง ก็จำเป็นต้องให้ต่างประเทศเข้ามาช่วยเหลือ ในการเจรจาหรือไกล่เกลี่ยกับกลุ่มเหล่านี้

ด้าน นายพจน์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ ที่ปรึกษาหอการค้า 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า มีหลายๆ ประเด็นที่จะได้รับประโยชน์ในการเดินทางของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรื่องแรกในเรื่องของความมั่นคง คือ การให้ความร่วมมือกับประเทศไทยในเรื่องของบุคคล 2 สัญญาชาติ เพราะที่ผ่านมาในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คาราคาซังมาเป็นเวลานานพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อเหตุการณ์คนร้ายอาจจะหลบหนีเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน การติดตามตัวในเรื่องของการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมีความยากลำบาก ตนมองว่าหากมีการพูดคุยกัน จะสามารถช่วยในการดำเนินการได้ง่ายขึ้น

ประเด็นที่สอง ในเรื่องการมาดูโรงเรียนเอกชนสอนอิสลาม ซึ่งประเทศมาเลเซียนั้น มีบุคคลหลายสัญชาติอยู่ร่วมกัน แต่สามารถอยู่ได้อย่างสันติสุข ซึ่งประเทศไทยน่าจะได้รับข้อชี้แนะ ข้อแนะนำของการปรับใช้ในโรงเรียนสอนศาสนาได้บ้าง จะทำอย่างไรให้มีความกลมกลืนหรือสอดคล้องของคนในพื้นที่ได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดความสงบได้มากขึ้น ส่วนในแง่ของเศรษฐกิจ นั้น เมื่อนายกฯมาเลเซีย เดินทางมาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างน้อยท่านจะได้มาเห็นสภาพข้อเท็จจริงของพื้นที่ได้มาก

โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการค้าขายตามบริเวณชายแดนกับประเทศมาเลเซียอยู่แล้ว ที่ผ่านมาการค้าขายบางส่วนบางอย่างมีการค้าขายในรูปแบบที่ผิดกฎหมายกันอยู่ หากมีการพูดคุยกันเข้าใจกัน อาจปรับการค้าขายที่มีรูปแบบผิดกฎหมายมาให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ง่ายขึ้น และการตกลงกันในเรื่องของการค้าเสรีอาเซียนเป็นต้น ทำให้การลงทุนระหว่างกันได้มากขึ้น และจะช่วยให้การลงทุนในด้านศักยภาพของคนในพื้นที่ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างไปจากคนของประเทศมาเลเซียได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ทางประเทศมาเลเซีย กำลังก่อสร้างนิคมอาหารฮาลาลในบริเวณชายแดนภาคใต้ ซึ่งในเรื่องนี้น่าจะมาจับมือร่วมกัน ไม่ควรที่จะมาแข่งขันกันมากกว่า โดยการมาเสริมในธุรกิจอาหารฮาลาลให้ดีขึ้น หรือมาร่วมกันลงทุนในเรื่องการจัดตั้งโรงงาน หรือเครื่องสาธารณูปโภค เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายเกี่ยวกับการค้า ตนมองว่าการเดินทางของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในครั้งนี้มีประโยชน์มาก

กำลังโหลดความคิดเห็น