ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – คณะผู้แทนการค้าจากเขตปกครองตนเองหนิงเซียะ จากจีน ร่วมประชุมหอการค้าใน 14 จังหวัด สร้างคู่ค้าระหว่าง 2 ประเทศ เร่งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทยก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าจากประเทศจีนใน อ.หาดใหญ่ มูลค่า 30 ล้านบาท บนพื้นที่ประมาณ 400 ตารางเมตรภายในต้นปี 2553 ด้านไทยดันสินค้าใต้ 15 รายการสู่ตลาดจีน โดยเฉพาะผลไม้ไทย 4 ชนิดที่มีการตอบรับดี
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่โรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ คณะผู้แทนการค้าจากเขตปกครองตนเองหนิงเซียะ สาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางประชุมการค้ากับหอการค้า 14 จังหวัดภาคใต้ และหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ 1 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าเสมือนเมืองพี่เมืองน้อง โดยมี นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธาน
Mr.Su Niggua ผู้แทนการค้าจากเขตปกครองตนเองหนิงเซียะ สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยว่า หนิงเซียะมีประชาชนเป็นอิสลามกว่าล้านคน จากประชากรทั้งหมด 6 ล้านคน ที่ผ่านมาได้มีคณะเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศเดินทางมาเยือนในแต่ละประเทศแล้วหลายครั้ง เพื่อศึกษาลู่ทางในการร่วมมือทางการค้า จนกระทั่งมีการเปิดศูนย์กระจายสินค้าไทยในนครหนิงเซียะ งบประมาณก่อสร้างจำนวน 30 ล้านบาท บนเนื้อที่ 600 ตารางเมตร เพื่อจำหน่ายสินค้าไทยตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ซึ่งสินค้าจำหน่ายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
การเดินทางมาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการสำรวจตลาดใน อ.หาดใหญ่ มาแล้วครั้งหนึ่ง คณะผู้แทนเจรจาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะจัดหาสินค้าจากไทยในภาคใต้ ไปจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และสร้างคู่ค้าร่วมกันในอนาคตที่เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากหนิงเซียะใน อ.หาดใหญ่ โดยจะมีการสร้างศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งต้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันคัดเลือกสถานที่ที่เหมาะสมด้วยพื้นที่ประมาณ 300-400 ตารางเมตร ให้เสร็จภายในต้นปี 2553
นายสมกิจ อนันตเมฆ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้มีหน้าที่รับผิดชอบ 14 จังหวัด ใน 3 กลุ่มจังหวัด คือหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วยชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และพัทลุง, หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่ และตรัง, หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนใต้ ประกอบด้วย สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส ซึ่งทั้งหมดนี้ได้บูรณาการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในภาคเอกชนร่วมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ภาครัฐได้ให้การสนับสนุนเศรษฐกิจในทิศทางเดียวกัน
การประชุมหารือทางการค้าระหว่างภาคใต้และเขตปกครองตนเองหนิงเซียะครั้งนี้ นอกจากเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ จนนำไปสู่การสร้างเครือข่ายทางการค้าที่จะบูรณาการความร่วมมือให้เกิดความเข้มแข็งแล้ว ยังมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้า โดยเฉพาะอุตสาหกรรมฮาลาล และผลไม้ที่สามารถต่อยอดการส่งออกที่มีคุณภาพได้
ทั้งนี้ ภาคใต้เตรียมนำเสนอสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศจีน 15 รายการ อาทิ รังนก, ข้าวเกรียบ, เสื้อบาติก, อาหารทะเลแปรรูป, ข้าวสาร เป็นต้น โดยเฉพาะผลไม้ 4 ชนิดได้แก่ ทุเรียน ลองกอง เงาะ และมังคุดที่ประเทศจีนมีความต้องการสูง และเป็นโอกาสที่เกษตรกรไทยจะสร้างตลาดใหม่ระบายสินค้าตลอดจนเพิ่มมูลค่า ซึ่งแต่ละปีประสบปัญหาราคาตกต่ำ ทั้งนี้ จะต้องมีการร่วมมือระหว่างภาครัฐเพื่อส่งเสริมให้ภาคการผลิตทำสินค้าให้มีคุณภาพสำหรับการส่งออก โดยมีคณะกรรมการทำงานต่อเนื่องในการวางแผนส่งสินค้า และรวมกันเป็นคลัสเตอร์ 3 กลุ่มจังหวัด
