xs
xsm
sm
md
lg

ทนาย “แม้ว” ขู่ฟ่อ! ฟ้องสื่อ-บุคคลกล่าวหานายใหญ่ไม่รักชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิลึก! ลูกพี่ด่าศาลไทย แต่ให้ลูกน้องขู่ใช้ศาลไทยเล่นงานคนอื่น ทนาย “นช.ทักษิณ” เปิดแถลงข่าวที่ภูเก็ต จี้กลุ่มบุคคล-สื่อมวลชนยุติใส่ร้าย กล่าวหา"แม้ว"หมิ่นเบื้องสูง-ขายชาติ ขู่ดำเนินคดีทั้งทั้งทางอาญา-ทางแพ่ง เล็งฟ้อง"เทพไท-ดร.เสรี" เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ อ้างหรู ยอมรับไม่ได้ถูกกล่าวหาขายชาติไม่รักสถานบัน

วันนี้ (14 พ.ย) ที่ห้องประชุมโรงแรมภูเก็ตทาวน์อินน์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างหลบหนี นำโดยนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และนายอุดม โปร่งฟ้า ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวเกี่ยวกับการรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทมส์ออนไลน์ โดยมีบุคคลจำนวนหนึ่ง ตลอดจนสื่อมวลชนบางส่วนได้แสดงความคิดเห็น หรือให้ข่าวในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง และกล่าวให้ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างร้ายแรงและต่อเนื่องนั้น

ทางคณะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณฯ ขอประกาศเตือนบุคคลและสื่อมวลชนดังกล่าวให้ยุติการกระทำใดๆ อันเป็นการใส่ความหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ได้รับความเสียหายข้างต้น ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา มีบุคคลและสื่อมวลชนบางส่วนได้กระทำการใส่ร้ายป้ายสีมาตลอดแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มิได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลใดๆ ที่ใส่ร้ายป้ายสีให้ได้รับความเสียหาย

แต่เนื่องจากการใส่ร้ายป้ายสีที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งในเรื่องการไม่จงรักภักดี การทรยศชาติ การขายชาติ ที่มิได้มีความจริงเลยแม้แต่น้อย และเป็นการใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อความอันเป็นเท็จที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อาจยอมรับได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีความจำเป็นต้องปกป้องสิทธิเสรีภาพตลอดจนชื่อเสียงเกียรติยศที่มีอยู่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง จึงได้ตัดสินใจมอบหมายให้ทางคณะทนายความฯ ประกาศเตือนบุคคลและสื่อมวลชนดังกล่าวให้ยุติการกระทำอันเป็นการใส่ร้ายป้ายสีในทันที มิเช่นนั้นคณะทนายความฯมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับบุคคลและสื่อมวลชนดังกล่าวตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทั้งทางอาญาและทางแพ่งตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป

นายวิชิตกล่าวเพิ่มเติมว่า การหมิ่นประมาทหากจำเป็นก็ต้องมีการดำเนินคดี โดยเฉพาะภาวะปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่ามีการดึงเอาสถาบันเบื้องสูงลงมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เป็นที่ประสงค์ของพี่น้องประชาชนคนไทย และในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาปฎิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ แล้วว่าไม่ได้เป็นบุคคลอย่างที่มีการกล่าวหา เพราะที่ผ่านมา ได้ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดิน และมีการรับราชการตำตรวจจนได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นสูง และในการดำเนินการใดก็มีความจงรักภักดีมาโดยตลอด

ส่วนกรณีการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ก็เป็นการให้สัมภาษณ์ เป็นไปตามหลักกฎมณเทียรบาลและจารีตประเพณีในการแต่งตั้งผู้สืบราชสันตติวงศ์ มีตัวอย่างในอดีต ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยพูดในเรื่องนี้ในบทความไม่เห็นมีใครว่าเป็นการก้าวล่วงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่อย่างใด เพียงแต่ครั้งนี้มีบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีดึงเอาสถาบันมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง จึงขอความกรุณาทุกคนว่าอย่าได้ดึงเบื้องสูงมาเกี่ยวข้องกับการเมืองเลย ทั้งนี้เพราะว่าคนไทยทุกคนรวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนเคารพเทิดทูนบูชาองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และองค์รัชทายาททุกประองค์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ยืนยันว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่แสดงความไม่จงรักภักดีแต่พูดในหลักการเท่านั้น ฉะนั้นใครที่ไปกล่าวหาทางคณะทนายความจะต้องพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องให้ถึงที่สุด ส่วนกรณีไทมส์ออนไลน์นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้มีการประนามไปแล้ว และแจ้งไปด้วยว่าการเขียนบทความใดๆ ต้องระมัดระวัง ในขณะที่ไทมส์ออนไลน์ก็บอกแล้วว่าจะไปแก้ไขให้ซึ่งทราบว่ามีการดำเนินการแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเขียนในไทมส์ออนไลน์ แต่เป็นข้อวิเคราะห์ของเขาเอง ซึ่งในบทสัมภาษณ์ไม่มีการก้าวล่วงเบื้องสูงแต่อย่างใด

นายวิชิตกล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.) ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีการนัดรวมตัวกัน และจะมีการนำเรื่องดังกล่าวมาพูด ก็ขอเตือน ซึ่งขณะนี้ทางทีมทนายได้รวมรวมพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว อย่างเช่น นายเทพไท เสนพงศ์ หรือ นายเสรี วงษ์มณฑา ซึ่งจุดไหนที่จำเป็นก็ต้องดำเนินคดี ส่วนการออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการออกมาแถลงข่าวเพื่อไม่ให้พันธมิตรฯ ก้าวล่วง ซึ่งหากพูดอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้ก็มีอยู่ประมาณ 3-4 ราย กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานอยู่

นายวิชิตกล่าวอ้างว่า ถือว่าเรื่องทั้งหมดเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งเป็นที่ทราบอยู่แล้วว่าขณะนี้ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ ตลอดจนกลุ่มอำมาตยาธิปไตย ได้ดึงเอาสามสถาบันหลักของชาติมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หากนึกย้อนหลังไปก็จะเห็นการผูกโยงกันมาเป็นประเด็นทางการเมือง จนขณะนี้ก็ยังคงมีการดำเนินการต่อ

“สิ่งที่ พ.ต.ท. ทักษิณ และคณะทนายที่ได้รับมอบอำนาจจะยอมไม่ได้ คือ การมากล่าวหาว่าขายชาติ ไม่จงรักภักดี ซึ่งมันไม่เป็นความจริง และหากยังมีการกล่าวหากันอีก ความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว เมื่อเข้าหลักกฎหมายทางทีมทนายจะไม่นิ่งนอนใจจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดทันที”

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการเข้ามามอบตัวและสู้คดีในประเทศไทยหรือไม่ นายวิชิตกล่าวว่า หากการเมืองนิ่ง และมีความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมก็จะเข้ามา ซึ่งในเรื่องของคดีนั้นก็เห็นได้ชัดเจนทางประเทศกัมพูชายืนยันว่าเป็นเรื่องของการเมืองอยู่แล้ว ส่วนการดำเนินการของรัฐบาลนั้นตนไม่เชื่อถือ เพราะการทำอะไรมักมองผลทางการเมืองทั้งสิ้นประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย และการดึงสถาบันลงมานั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ฝากไปยังนายกอภิสิทธิฯ ด้วยว่า อย่าได้ทำอีกต่อไปเลย เพราะประเทศเสียหายและประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ควรไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนดีกว่า

นายวิชิตกล่าวถึงการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า หากสื่อให้ความเป็นธรรมดูคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ให้ไว้กับไทมส์ออนไลน์อย่าละเอียดซึ่งเป็นภาคภาษาอังกฤษหรือภาคภาษาไทยที่มีการแปลมาแล้วให้ดีจะเห็นว่าไม่มีการไปก้าวล่วงแต่อย่างใด และไม่มีเจตนาที่จะไปหมิ่นเบื้องสูงเลย ทั้งหมดกล่าวไปตามหลักการปกครอง จึงไม่น่าจะมีการกล่าวหากันขนาดนี้ และใครที่กล่าวหาก็ต้องรับผิดชอบ

นายวิชิตกล่าวต่อไปถึงการเป็นที่ปรึกษาให้กับกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ส่งตัวกลับให้ไทยว่า กฎหมายระหว่างประเทศสนธิสัญญาระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชามี 3 เรื่อง ที่เป็นข้อยกเว้นชัดๆ ในการที่จะไม่ส่ง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย เรื่องแรก นายฮุนเซน พูดชัดเจนว่า เป็นเรื่องทางการเมือง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดอำนาจจาก คมช.ขณะประชุมร่วมกับสหประชาชาติ เมื่อยึดอำนาจเสร็จก็ตั้งบุคคลที่เป็นปรปักษ์มาเป็น คตส. และยัดเยียดข้อหาจำนวน 10 กว่าข้อหา หากไม่เรียกการเมืองจะเรียกว่าอย่างไร หากไม่ใช่การเมืองเมื่อดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปีและไม่มีการปฎิวัติ เมื่อพบว่ามีการทำผิดคดีอะไรก็ให้ไปดำเนินคดีฟ้องศาลไปตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นความชอบธรรม

ข้อถัดมาความผิดที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกลงโทษจำคุก 2 ปี เกิดจากข้อหามาตรา 100 ของ พ.ร.บ. ป.ป.ช.ไม่ใช่กฎหมายอาญาโดยเฉพาะ และความผิดดังกล่าวในกัมพูชาได้มีการตรวจสอบแล้วไม่เป็นความผิดในกัมพูชาการที่สามีเซ็นให้ภรรยาซื้อที่ดินไม่มีความผิดอะไร และสุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีโอกาสต่อสู้คดีนี้และคำพิพากษาก็พิพากษาลับหลัง จึงเป็นข้อยกเว้นชัดเจนในข้อ 3 (6) ของสนธิสัญญาระหว่างไทยกับกัมพูชา ดังนั้นนายกฯ ฮุนเซนปฎิเสธไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณด้วยข้อกฎหมายที่อ้างอิงได้ แต่นายกอภิสิทธิ์ไม่ได้รักษากฎหมายหรือกระบวนการทางกฎหมายใดๆ แต่กลับเรียกทูตกลับเป็นการตอบโต้โดยที่ไม่ให้เขาชี้แจงตามขั้นตอน จึงอยากถามว่าความชอบธรรมอยู่ที่ใด ใครเป็นคนหาเรื่อง

สำหรับการแถลงข่าวของนายวิชิตครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างรุนแรง หลังจากรับเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลกัมพูชา โดยที่นายฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา่ประกาศจะไม่ส่งตัวเป็นผู้ัร้ายข้ามแดนให้กับทางการไทย พร้อมกับกล่าวดูหมิ่นศาลไทยว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่้งในช่วงดังกล่าวหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ของประเทศอังกฤษได้ตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีข้อความหลายส่วนพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงอย่างไม่เหมาะสม เช่น การพูดล่วงหน้าถึงสถานการณ์ทางการเมืองหลังการสืบสันตติวงศ์ บทบาทของสถาบันในการแก้ไขความขัดแย้งในสังคม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การที่นายวิชิตขู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะฟ้องร้องผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่จงรักภักดีนั้น ยังมีปัญหาว่าจะฟ้องได้หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในประเทศ ในการรฟ้องจะต้องลงนามมอบอำนาจให้คนอื่นฟ้องแทน ซึ่งกรณีคล้ายกันนี้ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2552 ศาลจังหวัดปทุมธานีได้พิพากษายกฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหมิ่นประมาทกรณีที่ระบุในแถลงการณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัวเองพ้นจากความผิด โดยศาลเห็นว่าการลงนามมอบอำนาจของโจทก์ให้ทนายความฟ้องคดีแทนนั้น ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าโจทก์ได้ลงนามจริงหรือไม่ เนื่องจากโจทก์ไม่มาเบิกความเอง นอกจากนี้โจทก์ไม่มีพยานมายืนยันการลงลายมือชื่อมอบอำนาจดังกล่าว (อ่านข่าว ยกฟ้อง! “สนธิ” ศาลชี้ ปลอมลายเซ็น “แม้ว” ฟ้องแทน

นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปร่วมมือกับนายฮุนเซน นายกฯ กัมพูชาในการดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่ขณะเดียวกัน กลับขู่จะใช้กระบวนการยุติธรรมของไทยฟ้องร้องดำเนินคดีคนที่วิพากาษ์วิจารณ์ตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น