พัทลุง - แม่วัย 46 ร้องเรียน ส.ส.พัทลุงให้ดำเนินการติดต่อประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ ขอลูกสาววัย 7 ขวบคืน หลังผัวชาวเวียดนามพาหนีกลับประเทศ ตามหานานนับปีจนพบ แต่ไม่ได้กลับ อ้างไม่เข้าใจขั้นตอนของกฎหมาย
วันนี้ (19 ต.ค.) นางฝาติหมะ หมวดรอด อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251 หมู่ที่ 3 ตำบลชะรัต อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เข้าร้องต่อ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ให้ช่วยติดต่อกระทรวงต่างประเทศ เพื่อขอลูกสาวชื่อ ด.ญ.นามตะวัน หมวดรอด อายุ 7 ขวบ คืนจากสามีชาวเวียดนาม ที่ลักพาตัวหนีไปจากโรงเรียนบ้านควนประกอบ กลับประเทศเวียดนาม เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
นางฝาติหมะ กล่าวว่า ได้อยู่กินกับ นายลืง งก ตง อายุ 41 ชาวเวียดนาม มาหลายปี โดยประกอบอาชีพค้าขาย แต่จู่ๆ สามีได้ลักพาลูกหนีไปจากโรงเรียน ตนและญาติตามหา จนทราบว่าหนีกลับประเทศเวียดนาม และได้ไปตามหาจนพบ แต่สามีก็ไม่ให้ลูกสาวกลับมาด้วย ตนจึงเป็นห่วง คิดถึงลูก เพราะการเป็นอยู่ที่ประเทศเวียดนาม ค่อนข้างแร้นแค้นลำบาก และฐานะทางบ้านของตนก็ค่อนข้างลำบาก ขณะตามหาลูกสาวที่ประเทศเวียดนาม เพื่อนบ้านได้ช่วยเลี้ยงน้ำชา ได้เงินมาจำนวน 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ไปเจอแล้วไม่ได้ลูกกลับจึงเข้าร้อง ส.ส.ให้ช่วยเหลือดังกล่าว
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง กล่าวว่า นางฝาติหมะ หมวดรอด อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251 หมู่ที่ 3 ตำบลชะรัต อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ได้เดินทางมาพบ แจ้งว่า ผู้ร้อง เป็นมารดาของ ด.ญ.นามตะวัน หมวดรอด อายุ 7 ปี กับนายลืง งก ตง บุคคลผู้มีสัญชาติเวียตนาม โดยนายลืง งก ตง เป็นผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากับผู้ร้อง ได้แจ้งการเกิด ดญ.นามตะวัน ปรากฏตามเอกสาร 1.แจ้งเข้าอยู่ในทะเบียนบ้าน ตามเอกสาร 2.แจ้งข้อมูลทะเบียนนักเรียน ตามเอกสาร 3.
ต่อมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2551 นายลืง งก ตง ได้นำบุตรของผู้ร้องหนีกลับประเทศเวียดนาม ผู้ร้องได้พยายามติดตาม จนทราบว่า ดญ.นามตะวัน ได้เปลี่ยนชื่อเป็น LUONG KIM BINH มีที่อยู่ตามเอกสาร 4.ภาพถ่าย ด.ญ.นามตะวัน ปรากฏตามเอกสาร 5.ผู้ร้องได้ติดตามไปประเทศเวียตนามเพื่อนำตัว ด.ญ.นามตะวัน กลับประเทศไทย แต่ไม่สามารถนำตัวกลับได้ ด้วยผู้ร้องไม่เข้าใจขั้นตอนของตามกฎหมาย
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ตนจะประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการติดตามและนำตัว ด.ญ.นามตะวัน หมวดรอด บุคคลผู้มีสัญชาติไทย กลับประเทศไทย เพราะตามหลักกฎหมายแล้ว รัฐสามารถนำคนไทยกลับประเทศได้ และในระหว่างการดำเนินการได้ขอให้สถานทูตไทยในประเทศเวียดนาม เข้าไปดูและเด็กหญิงคนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และหากได้ตัวเด็กกลับตนจะเดินทางไปรับด้วยตัวเอง