ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – สถานีรถไฟหาดใหญ่หยุดให้บริการขบวนรถไฟท้องถิ่น 15 ขบวน โดยสหภาพรถไฟอ้างว่าสภาพหัวรถจักรไม่พร้อมใช้งานและอยู่ระหว่างการซ่อมแซมจึงไม่สามารถนำออกให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและไม่อยากให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่สถานีเขาเต่า
บรรยากาศที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (16 ต.ค.) เป็นไปด้วยความปั่นป่วน เนื่องจากรถไฟขบวนท้องถิ่นที่จะออกจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนบนและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หยุดให้บริการจำนวน 15 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนไปกลับที่ 175 หาดใหญ่ - สุไหงโก-ลก, ขบวน 446 หาดใหญ่-ชุมพร, ขบวน 463 พัทลุง - สุไหงโก-ลก, และขบวน 707 หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นขบวนรถบรรทุกสินค้า ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟทั้ง 4 ขบวนจึงจำเป็นต้องคืนตั๋วโดยสาร
ด้าน นายวิรุฬ สะแกคุ้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ เปิดเผยว่า เหตุที่รถไฟทั้ง 4 ขบวนหยุดให้บริการในวันนี้ เนื่องจากสภาพหัวรถจักรไม่พร้อมใช้งาน ยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมจึงไม่สามารถนำออกให้บริการได้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และเป็นไปตามมติของสหภาพรถไฟทั่วประเทศที่จะไม่นำหัวรถจักรที่ไม่สมบูรณ์ออกให้บริการประชาชนอย่างเด็ดขาด สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ขบวนรถด่วนที่ 84 ตรัง-กรุงเทพฯ ตกรางที่สถานีเขาเต่าเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุนายยุทธนา ทัพเจริญ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากความบกพร่องของพนักงานทั้งที่มีหลายปัจจัย เช่น ความพร้อมของหัวรถจักรและสภาพราง และเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาสหภาพรถไฟได้ส่งผู้แทนเข้าชี้แจงถึงเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นกับคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร โดยได้รับการเสนอแนะจากกรรมาธิการว่าหากขบวนรถไฟอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ก็ไม่ควรนำออกมาบริการแก่ประชาชน
นายวิรุฬ เผยว่า จากการตรวจสอบสภาพหัวรถจักรพบว่ามีหัวรถจักร 4 หัว ที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์จึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการ เพื่อตรวจสภาพความพร้อม แต่หากหัวรถจักรได้รับการซ่อมแซมเสร็จแล้วก็จะกลับมาให้บริการทันที ส่งผลให้รถไฟไปกลับจากหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนบนและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันนี้ต้องหยุดให้บริการรวม 15 ขบวน เช่นเดียวกับขบวนรถไฟทุกขบวนที่จะเข้าสู่สถานีหาดใหญ่จะต้องมีสภาพที่สมบูรณ์ หากพบว่ามีสภาพไม่สมบูรณ์ก็จะต้องถูกกักไว้ที่สถานีหาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม รถไฟที่หยุดวิ่งในวันนี้ มีเฉพาะขบวนท้องถิ่นเท่านั้น ส่วนขบวนรถทางไกลสายใต้ทุกขบวนที่ออกจากสถานีหาดใหญ่ยังคงให้บริการตามปรกติ
ทั้งนี้ เมื่อวาน (15 ต.ค.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 9 ถึงการนำรถจักร รถพ่วง ทำขบวนให้บริการประชาชน ต้องเป็นรถที่มีสภาพสมบูรณ์เท่านั้น ถึงจะให้บริการแก่ประชาชนได้
จากเหตุการณ์ที่ขบวนรถด่วนที่ 84 ประสบเหตุอันตรายที่สถานีเขาเต่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2552 เป็นเหตุให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ข้อมูลจากคำให้การของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องพบว่า รถจักรที่ทำขบวนดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ระบบป้องกันไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งในการเกิดเหตุดังกล่าว
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการให้บริการแก่ผู้โดยสาร โดยยื่นข้อเรียกร้องต่อการรถไฟฯ และมีการเจรจาตกลงกัน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2545 การรถไฟฯ “ตกลงกันว่าจะจัดซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ บนรถจักร รถพ่วง รถโดยสาร ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก่อนนำไปทำขบวน” แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการให้ขบวนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ตามข้อตกลงได้ ไม่มีการซื้อรถจักรใหม่มากกว่า 14 ปี มีสถิติรถชำรุดระหว่างทำขบวนปีละกว่า 1,500 ครั้ง และมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไข เป็นเหตุให้ขบวนรถล่าช้า วิ่งไม่ตรงตามกำหนดเวลา ประชาชนเสียเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้น และพนักงานขบวนรถต้องตรากตรำ อ่อนล้าจากเวลาการทำงานที่ยาวนานขึ้น
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2552 สร.รฟท.ได้ส่งผู้แทนเข้าชี้แจงถึงเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นกับคณะกรรมมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร โดยได้รับการเสนอแนะจากกรรมมาธิการว่า หากขบวนรถไม่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ก็ไม่ควรออกทำขบวนให้บริการแก่ประชาชน
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) จีงเรียนมายังพี่น้องประชาชนว่า พนักงานของการรถไฟฯ จะไม่นำรถจักร รถพ่วง ที่ไม่สมบูรณ์ออกให้บริการแก่ประชาชนเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น จากรถที่ไม่สมบูรณ์ และให้การรถไฟฯ จัดหา ปรับปรุง ให้รถจักร รถพ่วง มีสภาพที่สมบูรณ์ ตามที่ตกลงกันไว้กับรถไฟแห่งประเทศไทย สร.รฟท. ทั้งนี้ หากการดำเนินการเพื่อนำไปสู่การให้บริการที่ดีต่อประชาชนในระยะยาวครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนบ้าง สร.รฟท.ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้
