รถไฟป่วนประกาศหยุดเดินรถทุกขบวนที่ตรวจพบหัวรถจักรสภาพไม่สมบูรณ์ ย้อนรอยฝ่ายบริหารที่โยนผิดพนักงานขับรถขบวนตกรางเข่าเต่า ไม่สนระบบอุปกรณ์หัวจักรชำรุด ส่งผลผู้โดยสารตกค้างสถานีหลักทั้งหาดใหญ่,แก่งคอย สหภาพฯ ร.ฟ.ท.แจงพนักงานทำตามระเบียบความปลอดภัย หัวจักรไม่สมบูรณ์ห้ามนำออกให้บริการ ผู้โดยสานโวยหยุดใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองผลประโยชน์ภายในองค์กร
วานนี้ (16 ต.ค.) ตั้งแต่ช่วงเช้า รถไฟหลายขบวนล่าช้า และไม่สามารถออกจากต้นทางได้ เนื่องจากพนักงานขับรถแจ้งว่า รถจักรดีเซลไม่สมบูรณ์ เช่น หาดใหญ่ และแก่งคอย โดยบรรยากาศที่สถานีหาดใหญ่ ปั่นป่วนตั้งแต่เช้าขบวนรถไฟท้องถิ่นที่จะออกจากสถานีหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนบนและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หยุดให้บริการ 15 ขบวน ส่วนรถทางไกลสายใต้ยังให้บริการตามปรกติ ทำให้ประชาชนไม่พอใจที่รถไฟหยุดเดินรถโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งหากการหยุดเดินรถครั้งนี้เกิดจากปัญหาภายในของร.ฟ.ท.ก็ขอให้เจราจาตกลงกันเอง อย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการต่อรองผลประโยชน์
ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องหยุดให้บริการเนื่องจาก พบว่ามีหัวรถจักร 7 คันที่ต้องซ่อมแซม เนื่องจาก vigilance ซึ่งเป็นระบบเตือนพนักงานขับรถในกรณีหลับในหรือวูบ เสียหาย ซึ่งระบบนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่เขาเต่า
ด้านสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 52 ขอให้สมาชิกและพนักงานร่วมมือกันปฎิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถโดยเคร่งครัด ในกรณีรถจักรไม่สมบูรณ์ ไม่ควรนำออกไปเด็ดขาด สืบเนื่องจากกรณีขบวนรถที่ 84 (ตรัง-กรุงเทพ)ตกรางที่สถานีเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. ชี้นำการสอบสวนโดยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นความบกพร่องของพนักงานขับรถและผลสอบสรุปว่าเป็นความบกพร่องของพนักงาน มีโทษไล่ออก ตัดเงินเดือนช่างเครื่องและพนักงานรักษารถ
โดยไม่ชี้แจงถึงอุปกรณ์ในรถจักรที่ชำรุด เช่น ที่ปัดน้ำฝน ระบบป้องกันพนักงานหลับ (Vigilance) ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นคำให้การของพนักงานขับรถและช่างเครื่องแต่กลับไม่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน ซึ่งการชำรุดของอุปกรณ์ดังกล่าวเกิดจากการขาดแคลนอะไหล่และขาดการซ่อมบำรุงที่สม่ำเสมอ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารโดยตรงแต่นายยุทธนา พยายามเอาตัวรอดโดยไม่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ดังกล่าว
ในขณะที่พนักงานต้องทำงานหนักและรู้ดีว่ารถจักรที่นำออกไปให้บริการมีสภาพไม่สมบูรณ์ การนำออกไปใช้ มีความผิดตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถ ซึ่งสหภาพฯ ได้ร้องเรียนให้ผู้บริหารเร่งดำเนินการซ่อมบำรุงให้รถจักรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ตั้งแต่ ปี 2544 เป็นต้นมา ซึ่งการตกรางของรถขบวนที่ 84 เป็นบทเรียนที่พนักงานต้องปฎิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถอย่างเคร่งครัด
และวันที่ 15 ต.ค.สหภาพฯ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า เมื่อ 4 ธ.ค.45 สหภาพฯ เคยยื่นข้อเรียกร้องต่อร.ฟ.ท. โดยตกลงว่าจะจัดซ่อมอุปกรณ์บนรถจักร รถพ่วง รถโดยสาร ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนนำไปทำขบวน แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้ ไม่มีการซื้อรถจักรใหม่มากว่า 14 ปี มีสถิติรถจักรชำรุดระหว่างทำขบวนปีละกว่า 1,500 ครั้ง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้ขบวนรถล่าช้า วิ่งไม่ตรงตามกำหนด ประชาชนเสียเวลาเดินทาง และพนักงานขบวนรถต้องตรากตรำ อ่อนล้าจากเวลาการทำงานที่ยาวนาน และเมื่อ 14 ต.ค. สหภาพฯ ได้ส่งตัวแทนชี้แจงกับคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร โดยได้รับการเสนอแนะว่า หากขบวนรถไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ไม่ควรนำออกทำขบวนให้บริการประชาชน
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพฯร.ฟ.ท.กล่าวว่า การไม่นำรถจักรที่ไม่สมบูรณ์ไปใช้เพราะพนักงานขับรถเกรงว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะต้องรับผิดชอบคนเดียวทั้งที่สาเหตุเกิดจากหัวรถจักรขาดการซ่อมบำรุงโดยเฉพาะระบบด้านความปลอดภัยซึ่งเป็นเพราะฝ่ายบริหารไม่เอาใจใส่
นายวิรุฬ สะแกคุ้ม ประธานสหภาพฯร.ฟ.ท.สาขาหาดใหญ่ แจ้งว่า การหยุดเดินรถเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเพราะหัวรถจักรไม่พร้อมใช้งาน และเป็นไปตามมติของสหภาพฯร.ฟ.ท.ที่จะไม่นำหัวรถจักรที่ไม่สมบูรณ์ออกให้บริการประชาชนอย่างเด็ดขาด แต่หากหัวรถจักรได้รับการซ่อมแซมเสร็จแล้วก็จะกลับมาให้บริการทันที เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานกลายเป็นจำเลยของสังคมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับขบวนรถ
วานนี้ (16 ต.ค.) ตั้งแต่ช่วงเช้า รถไฟหลายขบวนล่าช้า และไม่สามารถออกจากต้นทางได้ เนื่องจากพนักงานขับรถแจ้งว่า รถจักรดีเซลไม่สมบูรณ์ เช่น หาดใหญ่ และแก่งคอย โดยบรรยากาศที่สถานีหาดใหญ่ ปั่นป่วนตั้งแต่เช้าขบวนรถไฟท้องถิ่นที่จะออกจากสถานีหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนบนและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หยุดให้บริการ 15 ขบวน ส่วนรถทางไกลสายใต้ยังให้บริการตามปรกติ ทำให้ประชาชนไม่พอใจที่รถไฟหยุดเดินรถโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งหากการหยุดเดินรถครั้งนี้เกิดจากปัญหาภายในของร.ฟ.ท.ก็ขอให้เจราจาตกลงกันเอง อย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการต่อรองผลประโยชน์
ทั้งนี้สาเหตุที่ต้องหยุดให้บริการเนื่องจาก พบว่ามีหัวรถจักร 7 คันที่ต้องซ่อมแซม เนื่องจาก vigilance ซึ่งเป็นระบบเตือนพนักงานขับรถในกรณีหลับในหรือวูบ เสียหาย ซึ่งระบบนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่เขาเต่า
ด้านสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 52 ขอให้สมาชิกและพนักงานร่วมมือกันปฎิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถโดยเคร่งครัด ในกรณีรถจักรไม่สมบูรณ์ ไม่ควรนำออกไปเด็ดขาด สืบเนื่องจากกรณีขบวนรถที่ 84 (ตรัง-กรุงเทพ)ตกรางที่สถานีเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. ชี้นำการสอบสวนโดยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นความบกพร่องของพนักงานขับรถและผลสอบสรุปว่าเป็นความบกพร่องของพนักงาน มีโทษไล่ออก ตัดเงินเดือนช่างเครื่องและพนักงานรักษารถ
โดยไม่ชี้แจงถึงอุปกรณ์ในรถจักรที่ชำรุด เช่น ที่ปัดน้ำฝน ระบบป้องกันพนักงานหลับ (Vigilance) ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นคำให้การของพนักงานขับรถและช่างเครื่องแต่กลับไม่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน ซึ่งการชำรุดของอุปกรณ์ดังกล่าวเกิดจากการขาดแคลนอะไหล่และขาดการซ่อมบำรุงที่สม่ำเสมอ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารโดยตรงแต่นายยุทธนา พยายามเอาตัวรอดโดยไม่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ดังกล่าว
ในขณะที่พนักงานต้องทำงานหนักและรู้ดีว่ารถจักรที่นำออกไปให้บริการมีสภาพไม่สมบูรณ์ การนำออกไปใช้ มีความผิดตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถ ซึ่งสหภาพฯ ได้ร้องเรียนให้ผู้บริหารเร่งดำเนินการซ่อมบำรุงให้รถจักรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ตั้งแต่ ปี 2544 เป็นต้นมา ซึ่งการตกรางของรถขบวนที่ 84 เป็นบทเรียนที่พนักงานต้องปฎิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถอย่างเคร่งครัด
และวันที่ 15 ต.ค.สหภาพฯ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า เมื่อ 4 ธ.ค.45 สหภาพฯ เคยยื่นข้อเรียกร้องต่อร.ฟ.ท. โดยตกลงว่าจะจัดซ่อมอุปกรณ์บนรถจักร รถพ่วง รถโดยสาร ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนนำไปทำขบวน แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้ ไม่มีการซื้อรถจักรใหม่มากว่า 14 ปี มีสถิติรถจักรชำรุดระหว่างทำขบวนปีละกว่า 1,500 ครั้ง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้ขบวนรถล่าช้า วิ่งไม่ตรงตามกำหนด ประชาชนเสียเวลาเดินทาง และพนักงานขบวนรถต้องตรากตรำ อ่อนล้าจากเวลาการทำงานที่ยาวนาน และเมื่อ 14 ต.ค. สหภาพฯ ได้ส่งตัวแทนชี้แจงกับคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร โดยได้รับการเสนอแนะว่า หากขบวนรถไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ไม่ควรนำออกทำขบวนให้บริการประชาชน
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพฯร.ฟ.ท.กล่าวว่า การไม่นำรถจักรที่ไม่สมบูรณ์ไปใช้เพราะพนักงานขับรถเกรงว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะต้องรับผิดชอบคนเดียวทั้งที่สาเหตุเกิดจากหัวรถจักรขาดการซ่อมบำรุงโดยเฉพาะระบบด้านความปลอดภัยซึ่งเป็นเพราะฝ่ายบริหารไม่เอาใจใส่
นายวิรุฬ สะแกคุ้ม ประธานสหภาพฯร.ฟ.ท.สาขาหาดใหญ่ แจ้งว่า การหยุดเดินรถเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเพราะหัวรถจักรไม่พร้อมใช้งาน และเป็นไปตามมติของสหภาพฯร.ฟ.ท.ที่จะไม่นำหัวรถจักรที่ไม่สมบูรณ์ออกให้บริการประชาชนอย่างเด็ดขาด แต่หากหัวรถจักรได้รับการซ่อมแซมเสร็จแล้วก็จะกลับมาให้บริการทันที เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานกลายเป็นจำเลยของสังคมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับขบวนรถ
