ปัตตานี – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศอาเซียน และองค์กรประเทศอิสลาม 16 ประเทศ ลงพื้นที่ปัตตานี รับทราบหาความเป็นจริงในพื้นที่
วันนี้ (11 ต.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศอาเซี่ยน และองค์กรประเทศอิสลาม 16 ประเทศ ลงพื้นที่ปัตตานี พบปะกลุ่มผู้นำศาสนาอิสลามที่มัสยิดกลางประจำ จ.ปัตตานี โดยมี พลโท พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 นายยะโก๊ป หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิด พร้อมทั้งผู้นำศาสนาอิสลาม และหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ
ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อติดตามสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ความเป็นอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในปัจจุบัน โดยคณะทูตจากประเทศต่างๆ ได้มีการสอบถามข้อมูลถึงสภาพความเป็นจริง พร้อมทั้งรับฟังสภาพการดำรงอยู่ของประชาชน และผู้นำศาสนาอิสลามในการช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ได้อย่างไร เพื่อก่อให้เกิดความกระจ่าง ของคนในต่างประเทศ ซึ่งกำลังจับตาสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดย นายยะโก๊ป หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิตได้ให้ความกระจ่างแก่คณะ ว่า ในสภาพปัจจุบันพบว่า ความเป็นอยู่ และการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่ ทุกศาสนาเป็นไปในทางบวกมากขึ้น โดยเฉพาะศาสนาอิสลามการใช้หลักคำสอนของศาสนาที่ถูกต้อง มาช่วยใช้ในการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน
นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ต่างประเทศยังคงมีการจับตาถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ผ่านทางการรายงานข่าวสารที่ยังคงไม่ชัดเจน ซึ่งการนำคณะทูตลงมาดูแลสำรวจพบปะผู้นำศาสนา ประชาชนในพื้นที่และติดตามโครงการช่วยเหลือต่างๆ ก็เพื่อรับทราบข้อมูล และมีการรายงานข้อเท็จจริงที่ไม่มีความผิดพลาดให้คนต่างประเทศได้รับรู้
โดยเฉพาะโครงการของแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เข้าไปฝึกอบรมชาวบ้านทั้งการทำสวน ทำไร่นาสวนผสม รวมไปถึงการทำประมง เหล่านี้ล้วนเป็นการเข้าถึงประชาชนได้ดี ถือเป็นการร่วมกันพัฒนาพื้นที่ เป็นไปตามที่พระบาทสมเด็จได้ตรัสไว้ว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ซึ่งคณะทูตทุกคนก็ได้เห็นได้ฟังอย่างชัดเจนโดยที่ไม่ได้สร้างฉาก
นายกษิต กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจ คือ 1.ขอให้มีความมั่นใจว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เข้าจริงเข้าจังในเรื่องนี้ และจะแก้ปัยหาโดยสันติวิธีให้ทหารเป็นเพื่อนของประชาชนร่วมกันพัฒนา 2.เคารพกฎหมายและจะใช้กฎหมายปกครองบ้านเมือง พยายามจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ประเด็นของการขัดแย้งต่างๆ ยุติไป ขอให้มีกำลังใจเพราะมิตรประเทศทั่วโลกอยากจะช่วยเหลือ และคณะที่เดินทางมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หลายๆ ประเทศอยากจะร่วมมือกันพัฒนาชีวิตของของคนไทยมุสลิมในภาคใต้
