ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” รองนายกรัฐมนตรี นำหน่วยงานราชการกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ นักธุรกิจและสื่อมวลชน เดินทางไปเยือนอินเดียในระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้ และการเดินทางในครั้งนี้มีกำหนดไปเยือนกรุงนิวเดลี และเมืองมุมไบ เพื่อเน้นย้ำความสัมพันธ์และสานต่อการค้ากาลงทุนระหว่างกัน
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมหน่วยงานภาครัฐสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกลุ่มนักธุรกิจไทยรวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนทุกแขนงประมาณ 50 คน เดินทางไปเยือนอินเดียในระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้ และการเดินทางในครั้งนี้มีกำหนดไปเยือนกรุงนิวเดลี และเมืองมุมไบ
ทั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับประชาชน เน้นย้ำความสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย ชี้ให้เห็นภาพรวมความสัมพันธ์ไทยกับอินเดีย และความร่วมมือในระดับพหุภาคีต่างๆ ตลอดจนเน้นย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนโยบายส่งเสริมการลงทุนตลอดจนชี้ให้เห็นบทบาทของไทย ในฐานะประธานอาเซียน ความสำเร็จของอาเซียนในด้านความร่วมมือด้านต่างๆ ความสำเร็จในการการจัดทำเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย รวมถึงโอกาสทางการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวไทยและอินเดีย ภาพรวมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-อินเดีย
ในขณะเดียวกัน ได้ชักชวนให้นักลุงทุนชาวอินเดียเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยคำนึงถึงศักยภาพในด้านต่างๆ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักลงทุนพึงจะได้รับ นอกจากนี้ยังมีลู่ทางการส่งสินค้าทางการเกษตรของไทยไปจำหน่ายยังอินเดีย เช่น มันสำปะหลัง อินเดีย ยังนำเข้าจากไทยน้อยมาก เป็นต้น
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการเดินทางไปเยือนครั้งนี้ภาคเอกชนประกอบด้วยธุรกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจขนส่งและการค้า ธุรกิจสิ่งทอและเคมีภัณฑ์ ธุรกิจสปา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ธุรกิจอาหาร เนื้อสัตว์ อาหารและยาสัตว์ ธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ และธุรกิจลอจิสติกส์
โดยเฉพาะในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ที่กรุงนิวเดลี จะมีการจัด Lunch Talk ระหว่างนักธุรกิจไทยและอินเดีย การนำเสนอ Presentation ของ BOI เรื่อง Think Asia, think Thailand การนำเสนอของ ททท. การนำเสนอของ FICCI พร้อมกันนี้มีการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทยและเอกชนอินเดีย แบ่งการหารือตามรายสาขา สอดคล้องกับภาคเอกชนไทย และยังมีกำหนดการเข้าพบ นาย Manmohan Singh นายกรัฐมนตรี นาย Anand Shamar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย นาย B.K. Handique รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และ นาย Kamal Nath รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอินเดีย
ส่วนวันที่ 8 ตุลาคม ที่เมืองมุมไบ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และคณะพบปะหารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชนชั้นนำของอินเดียในเมืองมุมไบ ในโอกาสเดียวกันนี้ ร่วมงานLunch Talk กับนักธุรกิจอินเดีย แยกกลุ่มย่อยจับคู่ธุรกิจไทย-อินเดีย และทางด้าน The All Indian Association of Industries (AIA) จัดงานต้อนรับเพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจกับนักธุรกิจอินเดียที่เป็นสมาชิกด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จะได้ย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับอินเดียตลอดเวลาที่ผ่านมา บนพื้นฐานความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเมืองมุมไบ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประพาสผ่านเมื่อปี 2414 ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองมุมไบในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคตะวันตกของอินเดีย โอกาสทางเศรษฐกิจ และความประสงค์ของไทยในการเข้าไปลงทุนในรัฐมหาราษฎร์ และเมืองมุมไบ รวมทั้งอธิบายสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งในระดับรากหญ้า ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจากอินเดียโดยเฉพาะเมืองมุมไบ จะเข้าไปลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆของไทยเพราะเห็นข้อได้เปรียบของการลงทุนในประเทศไทยในด้านต่างๆได้แก่ทำเลที่ตั้ง ระบบการเชื่อมโยงการขจัดอุปสรรคทางการค้ามาตรการส่งเสริมการลงทุน สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักลงทุนจะได้รับ
ทั้งนี้ ไทยและอินเดียใกล้สรุปผลการเจรจาความตกลงการค้าเสรีด้านการค้าสินค้าในกรอบทวิภาคี ซึ่งจะเกื้อกูลต่อการค้าภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีด้านการค้าระหว่างอินเดียกับอาเซียน ที่เพิ่งลงนามเมื่อ 14 สิงหาคม ที่กรุงเทพมหานคร และทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้าระหว่างกันประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2551 และตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าให้ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2554
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมหน่วยงานภาครัฐสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกลุ่มนักธุรกิจไทยรวมทั้งตัวแทนสื่อมวลชนทุกแขนงประมาณ 50 คน เดินทางไปเยือนอินเดียในระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้ และการเดินทางในครั้งนี้มีกำหนดไปเยือนกรุงนิวเดลี และเมืองมุมไบ
ทั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับประชาชน เน้นย้ำความสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย ชี้ให้เห็นภาพรวมความสัมพันธ์ไทยกับอินเดีย และความร่วมมือในระดับพหุภาคีต่างๆ ตลอดจนเน้นย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนโยบายส่งเสริมการลงทุนตลอดจนชี้ให้เห็นบทบาทของไทย ในฐานะประธานอาเซียน ความสำเร็จของอาเซียนในด้านความร่วมมือด้านต่างๆ ความสำเร็จในการการจัดทำเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย รวมถึงโอกาสทางการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวไทยและอินเดีย ภาพรวมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-อินเดีย
ในขณะเดียวกัน ได้ชักชวนให้นักลุงทุนชาวอินเดียเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยคำนึงถึงศักยภาพในด้านต่างๆ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักลงทุนพึงจะได้รับ นอกจากนี้ยังมีลู่ทางการส่งสินค้าทางการเกษตรของไทยไปจำหน่ายยังอินเดีย เช่น มันสำปะหลัง อินเดีย ยังนำเข้าจากไทยน้อยมาก เป็นต้น
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการเดินทางไปเยือนครั้งนี้ภาคเอกชนประกอบด้วยธุรกิจอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจขนส่งและการค้า ธุรกิจสิ่งทอและเคมีภัณฑ์ ธุรกิจสปา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ธุรกิจอาหาร เนื้อสัตว์ อาหารและยาสัตว์ ธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ และธุรกิจลอจิสติกส์
โดยเฉพาะในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ที่กรุงนิวเดลี จะมีการจัด Lunch Talk ระหว่างนักธุรกิจไทยและอินเดีย การนำเสนอ Presentation ของ BOI เรื่อง Think Asia, think Thailand การนำเสนอของ ททท. การนำเสนอของ FICCI พร้อมกันนี้มีการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทยและเอกชนอินเดีย แบ่งการหารือตามรายสาขา สอดคล้องกับภาคเอกชนไทย และยังมีกำหนดการเข้าพบ นาย Manmohan Singh นายกรัฐมนตรี นาย Anand Shamar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย นาย B.K. Handique รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และ นาย Kamal Nath รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอินเดีย
ส่วนวันที่ 8 ตุลาคม ที่เมืองมุมไบ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และคณะพบปะหารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชนชั้นนำของอินเดียในเมืองมุมไบ ในโอกาสเดียวกันนี้ ร่วมงานLunch Talk กับนักธุรกิจอินเดีย แยกกลุ่มย่อยจับคู่ธุรกิจไทย-อินเดีย และทางด้าน The All Indian Association of Industries (AIA) จัดงานต้อนรับเพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจกับนักธุรกิจอินเดียที่เป็นสมาชิกด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี จะได้ย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับอินเดียตลอดเวลาที่ผ่านมา บนพื้นฐานความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเมืองมุมไบ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จประพาสผ่านเมื่อปี 2414 ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองมุมไบในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคตะวันตกของอินเดีย โอกาสทางเศรษฐกิจ และความประสงค์ของไทยในการเข้าไปลงทุนในรัฐมหาราษฎร์ และเมืองมุมไบ รวมทั้งอธิบายสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งในระดับรากหญ้า ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจากอินเดียโดยเฉพาะเมืองมุมไบ จะเข้าไปลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆของไทยเพราะเห็นข้อได้เปรียบของการลงทุนในประเทศไทยในด้านต่างๆได้แก่ทำเลที่ตั้ง ระบบการเชื่อมโยงการขจัดอุปสรรคทางการค้ามาตรการส่งเสริมการลงทุน สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักลงทุนจะได้รับ
ทั้งนี้ ไทยและอินเดียใกล้สรุปผลการเจรจาความตกลงการค้าเสรีด้านการค้าสินค้าในกรอบทวิภาคี ซึ่งจะเกื้อกูลต่อการค้าภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีด้านการค้าระหว่างอินเดียกับอาเซียน ที่เพิ่งลงนามเมื่อ 14 สิงหาคม ที่กรุงเทพมหานคร และทั้งสองประเทศมีมูลค่าการค้าระหว่างกันประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2551 และตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าให้ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2554