นครศรีธรรมราช - “เทพไท เสนพงศ์” ฟันธงสาเหตุที่ “บิ๊กจิ๋ว” ยืดอกซบเพื่อไทยไม่ใช่เพื่อบ้านเมือง แต่ต้องการแทคทีมสู้ ปปช. และตอบแทนบุญคุณของ “นช.ทักษิณ" หยันควรพิสูจน์บทบาท “สมานฉันท์” แค่ในพรรคก็ล่มแล้ว
วันนี้(3 ต.ค.)นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการลงเล่นการเมืองอีกครั้งของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ โดยการหันเข้าสมัครในพรรคเพื่อไทย ว่าไม่ได้เป็นสิ่งเหนือความคาดหมายเพราะพรรคเพื่อไทยพยายามหาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคให้ได้ และต้องเป็นคนที่มีบทบาทโดดเด่นหรือคนที่เป็นคนใหม่ๆไม่กล้าที่จะเข้าในพรรคเพื่อไทยเพราะรู้ว่าเป็นพรรคที่มีเจ้าของและคนที่เป็นหัวหน้าพรรคต้องอยู่ในฐานะนอร์มินีของนายใหญ่ คนที่จะเข้ามานั้นต้องเป็นประเภทข้าเก่าเต่าเลี้ยงมีผลประโยชน์ผูกพันกันมา ตั้งแต่การทาบทามนายเสนาะให้มาเป็นหัวหน้าพรรค แต่มาถูกกระแสอัลไพน์ก็ล้มหายไป ท้ายสุดมาอยู่ที่ พล.อ.ชวลิต
โดบเชื่อว่าการเข้ามาครั้งนี้น่าจะมีเหตุผลอยู่ 2 ประการคือ 1.เป็นคนที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันในการถูกชี้มูลจาก ปปช.เมื่อ 7 ต.ค.จึงทำให้เกิดการผนึกกำลังสู้กับกระบวนการยุติธรรมแล้ว เลยตัดสินใจจับมือสู้ทางการเมืองในฐานะพรรคเพื่อไทย 2.เป็นเรื่องของการตอบแทนบุญคุณระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.ชวลิต เพราะถ้าจำกันได้วันที่ พล.อ.ชวลิต เป็นนายกและเอา พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นรองนายก พล.อ.ชวลิต ที่ประกาศลดค่าเงินบาท คนที่รวยที่สุดเพียงคนเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะที่นักธุรกิจ รายอื่นๆตกอยู่ในสภาพเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียววันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศสู้จนเหลือกางเกงในตัวเดียว
วันนี้ พล.อ.ชวลิต จึงกลับมาเป็นประธานพรรคหวังขึ้นเป็นนายกอีกครั้งเพื่อที่จะใช้จ่ายหรือใช้เงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ร่ำรวยจากการลดค่าเงินบาทในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต เป็นนายกมาให้ใช้ในทางการเมือง เป็นไปได้ว่าในอนาคตข้างหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศ แต่คงเป็นเรื่องของกงกรรมกงเกวียน เงินที่ได้มานั้นคงหมดไปโดยมิชอบ
นายเทพไท กล่าวต่อว่า การที่บอกว่าเข้ามาเพื่อต้องการสมานฉันท์นั้นคิดว่าเป็นเรื่องที่ประกาศตามกระแสสังคม เพราะท่ามกลางความแตกแยกของผู้คนในสังคมหลายฝ่ายพยายามรณรงค์เรื่องของความสมานฉันท์ พล.อ.ชวลิต จึงหยิบเอาตรงนี้มาตามกระแสสังคม เชื่อว่าไม่สามารถมาสร้างความสมานฉันท์ในสังคมได้ เพราะวันนี้ พล.อ.ชวลิต ได้เลือกข้างเรียบร้อยแล้วที่จะอยู่กับพรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต จะสร้างความสมานฉันท์ได้เฉพาะในพรรคเพื่อไทยที่แตกเป็นก๊กเป็นเหล่าเป็นฝ่ายไม่มีใครยอมรับใคร แต่ว่าทั้งหมดนั้นส่วนใหญ่เป็นคนที่มาจากความหวังใหม่เก่าแทบทั้งสิ้น ถ้าพล.อ.ชวลิต มาเป็นหัวหน้าพรรคจึงเหมือความหวังใหม่คืนชีพรองสอง สามารถสร้างความสมานฉันท์ได้ในรอบสองแต่สังคมไม่เชื่อว่าจะสร้างได้ในสังคม
ต่อข้อถามมีความพยายามจากนายจตุพร พรหมพันธ์ ที่จะสร้างกระแสให้เห็นว่า พล.อ.ชวลิต ได้หันหลังให้กับ พล.อ.เปรม แล้ว นายเทพไท กล่าวว่าตรงนี้ไม่มีความชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพล.อ.ชวลิต กับ พล.อ.เปรม นั้นอยู่ในระดับใดแต่จริงๆแล้วนั้น พล.อ.เปรมไม่ได้เลือกที่จะผูกพันกับบุคคลใดเป็นพิเศษ แต่จะผูกพันกับคนดี จกรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ซื่อสัตย์ต่อสถาบัน เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มีคุณสมบัติตามปณิธานคือการเป็นคนดีและทดแทนบุญคุณแผ่นดินตามปณิธาน เชื่อว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพลเอกเปรมทุกคน จะไปสรุปว่า พล.อ.ชวลิต เป็นลูกป๋าหรือมีความผูกพันกับป๋าหรือไม่ต้องพิสูจน์จากจุดยืนของ พล.อ.ชวลิต
“ผมยังไม่เห็นท่าทีของกลุ่ม 3 เกลอกับการเป็นประธานหรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ชัดเจน ที่ผ่านมาค่อนข้างหลากหลายในความเห็นต่อกรณีพลเอกชวลิต เริ่มต้นมีความขัดแย้งในเหตุผลกันเอง เช่นคนในความหวังใหม่เดิมบอกว่า พล.อ.ชวลิต มาสร้างความเป็นปึกแผ่น คนเพื่อไทยบอกว่าการเข้ามได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นที่ยอมรับ อีกกลุ่มบอกว่าไม่มีใครทาบทามเป็นความตั้งใจของ พล.อ.ชวลิตเอง โดยใช้เงื่อนไขของพรรคเพื่อไทย ในความเห็นของกลุ่มเสื้อแดงที่เป็นส่วนหนึ่งของเพื่อไทยยังไม่มีท่าทีออกมาอยากรู้เหมือนกันว่าคนเสื้อแดงคิดอย่างไรกับพลเอกชวลิต แต่ถ้าไม่ยอมรับการนำของ พล.อ.ชวลิต เจตนารมณ์ของพล.อ.ชวลิตที่บอกว่าจะสมานฉันท์แค่เริ่มต้นก็ล้มเหลวแล้ว” นายเทพไทกล่าว