ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ชาว อ.จะนะ ร่วมเสวนา นโยบายพลังงานเชื่อมโยงกับความเป็นไปของ จะนะบ้านเรา “จำเป็นหรือ ? ต้องมีโรงไฟฟ้าจะนะ 2” โดยมีวิทยากรจาก มูลนิธินโยบายสุขภาวะ และ นักวิชาการ จาก มอ.หาดใหญ่ ชาวบ้านในพื้นที่รับข้อมูลพร้อมคัดค้านโรงไฟฟ้า เฟส 2 หวั่นกระทบเหมือนดั่งมาบตาพุด
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่ห้องประชุมใหญ่ โรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา ศูนย์เรียนรู้วิถีธรรมชาติเพื่อชุมชน อ.จะนะ จัดเวทีเสวนา นโยบายพลังงานเชื่อมโยงกับความเป็นไปของ จะนะบ้านเรา “จำเป็นหรือ ? ต้องมีโรงไฟฟ้าจะนะ 2” โดยมีประชาชนและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยมี นายศุภกิจ นันทะวรการ จากมูลนิธินโยบายสุขภาวะ ผศ.ประสาท มีแต้ม อาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายปิยะโชติ อินทรานิวาส จากศูนย์ข่าว ASTV ผู้จัดการ ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ ร่วมเป็นวิทยากรในช่วงแรก
นอกจากนี้ ยังมี คุณสมพร เพ็งค่ำ จากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และคุณภาวิณี ไชยภาค ผู้ศึกษา HIA พื้นที่จะนะ ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้กลไกการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ กับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับสุขภาวะชุมชน (HIA) และจะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่เข้าร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอีกทั้งในงานครั้งนี้มีการถ่ายทอดสดออกทางเว็บไซต์ สงขลาร่วมใจ และ FM 95.5 MHZ ด้วย
ผศ.ประสาท มีแต้ม อาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในภาคใต้มีโรงไฟฟ้าเกือบ 50% แต่โรงไฟฟ้าที่ทำงานมีเพียงครึ่งเดียวแต่พนักงานได้รับเงินเดือนเต็มเพราะฉะนั้นวันนี้โรงไฟฟ้าของรัฐที่นอนกินเงินเดือนฟรีๆ มีประมาณ 27% อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากคิดถึงเรื่องการใช้ไฟฟ้าของคนภาคใต้มีการใช้แค่ไม่เกิน 2000 เมกะวัตต์ซึ่งน้อยกว่าการสรุปการใช้ไฟฟ้าสูงสุดแยกตามภาคปี 2550 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ผศ.ประสาท ยังกล่าวต่อไปว่า “การพัฒนาโรงไฟฟ้านั้นเราไม่ปฏิเสธ เพราะมันมีประโยชน์แน่นอน แต่อยากถามว่ามันมีเพียงพอแล้วหรือยัง” กับการสูญเสียเงินของประชาชนไปโดยไร้ประโยชน์
นายศุภกิจ นันทะวรการ จากมูลนิธินโยบายสุขภาวะ กล่าวว่า การที่การไฟฟ้าอ้างว่าจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าจะนะแห่งที่ 2 เพราะโรงไฟฟ้าขนอมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า กำลังจะหมดอายุจึงจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 มาทดแทนไม่อย่างนั้นจะมีปริมาณไฟฟ้าไม่เพียงพอ นาย ศุภกิจยืนยันว่าไม่จริงเพราะโรงไฟฟ้าขนอมหมดอายุในปี 2549 ก็จริงแต่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
นายศุภกิจ ยังกล่าวต่อไปว่า การที่มีข่าวว่ามีปัญหาขัดข้องและหายไปในช่วง 3 วันของเดือนสิงหาคม 2552 มีปริมาณก๊าซหายไปพร้อมกันทั้งจากพม่าและอ่าวไทย ประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็น 5ร้อยล้านบาท เป็นปริมาณที่เยอะมากหากเทียบกับโรงไฟฟ้าจะนะ แต่ทุกฝ่ายกลับนิ่งเฉยไม่มีการให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม หากทางรัฐบาลยังตอบไม่ได้ว่าก๊าซหายไปไหนแน่นอนว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าอีกกี่โรงก็ไม่เพียงพอและถ้าตอบไม่ได้แล้วจะสร้างโรงไฟฟ้าทำไมอีก นายศุภกิจ กล่าว
นายปิยะโชติ อินทรนิวาส หัวหน้าศูนย์ข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการ ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ กล่าวว่า มองในฐานะมุมมองของความเป็นสื่อมวลชน โครงการปิโตรเคมีต้องมีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แล้วก็จะต้องมีโครงการอื่นๆตามาอีก อาทิ เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร เนื่องจากว่า กลุ่มนักลงทุนได้เข้ามาควานซื้อที่ดินนานกว่า 10 ปีแล้ว ขณะนี้ จะนะ เปรียบเสมือนมาบตาพุด
“ผมขอยืนยันว่า อุตสาหกรรมจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และปัญหาต่างๆก็จะตาม และหากเปรียบเสมือนจะนะเปหาดใหญ่และสงขลาก็เป็นเมืองชลบุรี ดังนั้นสิ่งที่ผมพูดว่า มีปัญหาเกิดขึ้น ก็จะเป็นปัญหาด้านโรคภัย ไม่ว่าจะเป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และคนหาดใหญ่ คนสงขลาก็จะได้รับไม่น้อยไปกว่าพี่น้องชาวจะนะ” นายปิยะโชติ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของชาวบ้านกับวิทยากร และภายในงานยังได้รับความสนใจ จากเยาวชนในพื้นที่ให้ความสนใจกับการเสวนาครั้งนี้อีกด้วย