กองปราบจับทอมรุ่นใหญ่ ใช้เอกสารที่ดาราสาว “ตุ๊กตา อุบลวรรณ” เซ็นชื่อไว้ไปใช้ทำธุรกรรมบัตรเครดิต ซื้อเบนซ์ สร้างหนี้ 2 ล้าน แถมหลอกใช้ชื่อ “ดา ชฎาพร” อีก 6 ล้าน อ้างมีหนี้สินเยอะถูกทวงหนี้ เมื่อทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันก็โต้เถียงกันรุนแรง จนตำรวจต้องแยกออกจากกัน โดย “ตุ๊กตา” บอกรู้จักผู้ต้องหามานาน 7 ปี เพราะความเชื่อใจและสงสารจึงเกิดเหตุ ผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.30 น.พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปศท.พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.และ พ.ต.ท.วัชรพล ทองล้วน รอง ผกก.ปพ.บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ หรือ เจมส์ อัครวงศ์ตระกูล หรือ อลิสา เจริญผล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 336 หมู่ 4 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1724/2552 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2552 ข้อหาเอาไปซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชนปลอมและใช้เอกสารปลอม ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อชำระสินค้า บริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด และข้อหาลักทรัพย์และรับของโจร หลังถูก น.ส.อุบลวรรณ หรือตุ๊กตา บุญรอด อายุ 30 ปี ดาราพิธีกรสาวและดีเจชื่อดังแห่งคลื่น FM 95 ลูกทุ่งมหานคร แจ้งความจับ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าสำนักงานเขตวังทองหลาง กทม.ขณะติดต่อราชการที่สำนักงานเขตดังกล่าว
ต่อมา ตุ๊กตา อุบลวรรณ พร้อมด้วยมารดา และ น.ส.ชฎาพร รัตนากร หรือ ดา อดีตดาราสาวคนดัง มาดูตัวผู้ต้องหาพร้อมด่าทอ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ จากนั้นได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น ซึ่งเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาแยกทั้งสองออกจากกัน
น.ส.อุบลวรรณ หรือ ตุ๊กตา กล่าวว่า ตนรู้จักกับผู้ต้องหาเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว หลังจากไปทำงานที่ จ.เชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาเป็นฝ่ายติดต่อกับตน โดยอ้างว่าจะจ้างไปโชว์ตัว จากนั้นก็ได้แลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันมาตลอด ตนเห็นว่า อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเช่นกัน ไม่น่าจะมีพิษมีภัยจึงติดต่อกันมาตลอด ต่อมาทางผู้ต้องหาได้นัดพบกับตนและได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ของตัวเองว่าเคยเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีรายได้นับร้อยล้านบาท แต่ภายหลังถูกหุ้นส่วนโกงและธุรกิจประสบปัญหาจนต้องมาเช่าห้องพักอยู่กับมารดาที่แก่ชรามากแล้ว ตนรู้สึกสงสารจึงให้ความช่วยเหลือด้วยการให้ผู้ต้องหาเข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลคิวงานให้ โดยตนจะให้เงินค่าตอบแทนเป็นครั้งคราวแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท
น.ส.อุบลวรรณ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา ตนก็จะคอยดูแลครอบครัวของผู้ต้องหามาโดยตลอด เมื่อได้รับเช็คค่าจ้าง ก็จะให้กับผู้ต้องหาเก็บไว้ หรือนำไปเข้าบัญชีที่ธนาคารให้ด้วยความไว้วางใจ และไม่คิดว่าจะถูกนำเอาบัตรประชาชนและเอกสารต่างๆ ส่วนตัวที่ตนเซ็นชื่อไว้ไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งทำบัตรเครดิตถึง 5 ใบ ก่อนนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ และนำไปซื้อรถเบนซ์ รวมมูลหนี้ประมาณ 2 ล้านบาท โดยที่ตนไม่ได้รับรู้มาก่อน กระทั่งภายหลังทางธนาคารเจ้าของบัตรได้มีเอกสารตามทวงหนี้จากตนเรื่องจึงแดงขึ้นมา โดยทางผู้ต้องหาก็หนีหน้าหายไปไม่สามารถติดต่อได้อีก
“ไม่คิดว่าเราคบกันมาปีกว่าๆ เขาจะกล้าทำกับเราขนาดนี้ แม่ของตุ๊กตาก็ให้ความเมตตากับเขาคอยดูแลเอาใจใส่ และคอยเป็นห่วงเป็นใยแม่ของเขาที่อายุมากแล้ว แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้นตุ๊กตาก็ปรึกษาทนาย เพื่อสู้คดี เพราะหนี้สินจากบัตรเครดิตต่างๆ นั้น เราไม่ได้เป็นผู้ใช้เพียงแต่ถูกนำเอกสารไปใช้ทำบัตรเท่านั้น บางธนาคารก็ยอมเจรจาด้วย แต่บางแห่งก็ไม่ยอม ยึดตามเอกสารโดยอ้างว่าเอกสารที่ใช้ถูกต้องจึงจำต้องยอมรับสภาพหนี้” ดีเจสาว กล่าว
น.ส.อุบลวรรณ กล่าวอีกว่า หลังจากตนได้ทยอยใช้คืนหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดแล้ว ต่อมากลับยังมีธนาคารอีกแห่งแจ้งกับตนว่า มีหนี้สินอีก 2 แสนบาท ตนทนต่อไปอีกไม่ไหว เพราะไม่รู้ว่าทางผู้ต้องหายังจะนำเอกสารต่างๆ ของตนไปก่อหนี้ที่ไหนอีกหรือไม่ จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา กระทั่งตำรวจกองปราบปรามติดต่อมาว่าจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วจึงเดินทางมาชี้ตัว
ส่วน น.ส.ชฎาพร กล่าวว่า รู้จักกับผู้ต้องหามาหลายปี โดยผู้ต้องหาเป็นฝ่ายติดต่อมาหาอ้างว่าดวงสมพงษ์กัน หลังจากนั้น ก็ติดต่อกันเรื่อยมา กระทั่งช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ต้องหาบอกกับตนว่ากำลังถูกตามทวงหนี้ จึงมาขอยืมเงินตนเป็นจำนวน 1.3 ล้านบาท ซึ่งตนก็ให้ไป นอกจากนี้ ยังถูกเอาชื่อไปใช้ในการซื้อรถเบนซ์ และรถฟอร์ด รวมมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท โดยมารู้ภายหลังเพราะถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องจนมีหมายศาลมาถึงตน ตนจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา ก่อนหน้านี้ ก็พยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ก็ติดต่อไม่ได้
ด้าน น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ตนทำงานอยู่บริษัทรับออกแบบตกแต่งบ้านและสำนักงานแห่งหนึ่งย่านภูเขาทอง โดยคบหาเป็นเพื่อนกับ ดา-ชฎาพร มานานนับ 10 ปี ก่อนจะมาสนิทสนมกับ ตุ๊กตา-อุบลวรรณ ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับคดีต่างๆ นั้น ตนยืนยันว่า ทั้งสองรับรู้ด้วยกัน ตนจะนำเงินหรือนำบัตรเครดิตไปใช้อะไรทั้งสองก็รู้ดี ระหว่างที่คบหากัน ตนก็ให้อะไรกับเขาหลายอย่าง ส่วนเรื่องที่ตุ๊กตา บอกว่า คอยดูแลแม่และครอบครัวตนนั้น ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้คงต้องไปว่ากันในชั้นศาล และตนก็เตรียมฟ้องกลับในข้อหาแจ้งความเท็จเช่นกัน
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.30 น.พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปศท.พร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป.และ พ.ต.ท.วัชรพล ทองล้วน รอง ผกก.ปพ.บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ หรือ เจมส์ อัครวงศ์ตระกูล หรือ อลิสา เจริญผล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 336 หมู่ 4 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1724/2552 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2552 ข้อหาเอาไปซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชนปลอมและใช้เอกสารปลอม ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อชำระสินค้า บริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด และข้อหาลักทรัพย์และรับของโจร หลังถูก น.ส.อุบลวรรณ หรือตุ๊กตา บุญรอด อายุ 30 ปี ดาราพิธีกรสาวและดีเจชื่อดังแห่งคลื่น FM 95 ลูกทุ่งมหานคร แจ้งความจับ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าสำนักงานเขตวังทองหลาง กทม.ขณะติดต่อราชการที่สำนักงานเขตดังกล่าว
ต่อมา ตุ๊กตา อุบลวรรณ พร้อมด้วยมารดา และ น.ส.ชฎาพร รัตนากร หรือ ดา อดีตดาราสาวคนดัง มาดูตัวผู้ต้องหาพร้อมด่าทอ น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ จากนั้นได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น ซึ่งเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาแยกทั้งสองออกจากกัน
น.ส.อุบลวรรณ หรือ ตุ๊กตา กล่าวว่า ตนรู้จักกับผู้ต้องหาเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว หลังจากไปทำงานที่ จ.เชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาเป็นฝ่ายติดต่อกับตน โดยอ้างว่าจะจ้างไปโชว์ตัว จากนั้นก็ได้แลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันมาตลอด ตนเห็นว่า อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเช่นกัน ไม่น่าจะมีพิษมีภัยจึงติดต่อกันมาตลอด ต่อมาทางผู้ต้องหาได้นัดพบกับตนและได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ของตัวเองว่าเคยเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีรายได้นับร้อยล้านบาท แต่ภายหลังถูกหุ้นส่วนโกงและธุรกิจประสบปัญหาจนต้องมาเช่าห้องพักอยู่กับมารดาที่แก่ชรามากแล้ว ตนรู้สึกสงสารจึงให้ความช่วยเหลือด้วยการให้ผู้ต้องหาเข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลคิวงานให้ โดยตนจะให้เงินค่าตอบแทนเป็นครั้งคราวแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท
น.ส.อุบลวรรณ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา ตนก็จะคอยดูแลครอบครัวของผู้ต้องหามาโดยตลอด เมื่อได้รับเช็คค่าจ้าง ก็จะให้กับผู้ต้องหาเก็บไว้ หรือนำไปเข้าบัญชีที่ธนาคารให้ด้วยความไว้วางใจ และไม่คิดว่าจะถูกนำเอาบัตรประชาชนและเอกสารต่างๆ ส่วนตัวที่ตนเซ็นชื่อไว้ไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งทำบัตรเครดิตถึง 5 ใบ ก่อนนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ และนำไปซื้อรถเบนซ์ รวมมูลหนี้ประมาณ 2 ล้านบาท โดยที่ตนไม่ได้รับรู้มาก่อน กระทั่งภายหลังทางธนาคารเจ้าของบัตรได้มีเอกสารตามทวงหนี้จากตนเรื่องจึงแดงขึ้นมา โดยทางผู้ต้องหาก็หนีหน้าหายไปไม่สามารถติดต่อได้อีก
“ไม่คิดว่าเราคบกันมาปีกว่าๆ เขาจะกล้าทำกับเราขนาดนี้ แม่ของตุ๊กตาก็ให้ความเมตตากับเขาคอยดูแลเอาใจใส่ และคอยเป็นห่วงเป็นใยแม่ของเขาที่อายุมากแล้ว แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้นตุ๊กตาก็ปรึกษาทนาย เพื่อสู้คดี เพราะหนี้สินจากบัตรเครดิตต่างๆ นั้น เราไม่ได้เป็นผู้ใช้เพียงแต่ถูกนำเอกสารไปใช้ทำบัตรเท่านั้น บางธนาคารก็ยอมเจรจาด้วย แต่บางแห่งก็ไม่ยอม ยึดตามเอกสารโดยอ้างว่าเอกสารที่ใช้ถูกต้องจึงจำต้องยอมรับสภาพหนี้” ดีเจสาว กล่าว
น.ส.อุบลวรรณ กล่าวอีกว่า หลังจากตนได้ทยอยใช้คืนหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดแล้ว ต่อมากลับยังมีธนาคารอีกแห่งแจ้งกับตนว่า มีหนี้สินอีก 2 แสนบาท ตนทนต่อไปอีกไม่ไหว เพราะไม่รู้ว่าทางผู้ต้องหายังจะนำเอกสารต่างๆ ของตนไปก่อหนี้ที่ไหนอีกหรือไม่ จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา กระทั่งตำรวจกองปราบปรามติดต่อมาว่าจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วจึงเดินทางมาชี้ตัว
ส่วน น.ส.ชฎาพร กล่าวว่า รู้จักกับผู้ต้องหามาหลายปี โดยผู้ต้องหาเป็นฝ่ายติดต่อมาหาอ้างว่าดวงสมพงษ์กัน หลังจากนั้น ก็ติดต่อกันเรื่อยมา กระทั่งช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ต้องหาบอกกับตนว่ากำลังถูกตามทวงหนี้ จึงมาขอยืมเงินตนเป็นจำนวน 1.3 ล้านบาท ซึ่งตนก็ให้ไป นอกจากนี้ ยังถูกเอาชื่อไปใช้ในการซื้อรถเบนซ์ และรถฟอร์ด รวมมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท โดยมารู้ภายหลังเพราะถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องจนมีหมายศาลมาถึงตน ตนจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา ก่อนหน้านี้ ก็พยายามติดต่อกับผู้ต้องหาแต่ก็ติดต่อไม่ได้
ด้าน น.ส.ภัลมาภูฏิณฑ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ตนทำงานอยู่บริษัทรับออกแบบตกแต่งบ้านและสำนักงานแห่งหนึ่งย่านภูเขาทอง โดยคบหาเป็นเพื่อนกับ ดา-ชฎาพร มานานนับ 10 ปี ก่อนจะมาสนิทสนมกับ ตุ๊กตา-อุบลวรรณ ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับคดีต่างๆ นั้น ตนยืนยันว่า ทั้งสองรับรู้ด้วยกัน ตนจะนำเงินหรือนำบัตรเครดิตไปใช้อะไรทั้งสองก็รู้ดี ระหว่างที่คบหากัน ตนก็ให้อะไรกับเขาหลายอย่าง ส่วนเรื่องที่ตุ๊กตา บอกว่า คอยดูแลแม่และครอบครัวตนนั้น ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้คงต้องไปว่ากันในชั้นศาล และตนก็เตรียมฟ้องกลับในข้อหาแจ้งความเท็จเช่นกัน