ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ –โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เนื้อที่กว่า 700 ไร่เริ่มเดินเครื่อง ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจาจ่ายค่าชดเชยชาวบ้าน โดยมีบริษัท เอ.เอส.เอ.การช่าง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เสร็จภายในปี 2554 พร้อมเปิดเสรีการค้าราอาเซียนเชื่อมโยงการค้ากับจีนในอนาคต รับโครงการสะพานไทย-ลาวเชื่อมต่อถนนเส้น R3a คุนหมิง-ด่านเชียงของ จ.เชียงราย
จากมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนธันวาคม 2545 ได้ให้กรมศุลกากรสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาทนั้น
นายอาทิตย์ วิสุทธิสมจาร สารวัตรศุลกากร 7 ด่านศุลกากรสะเดา เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองล่าปัง ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เนื้อที่ประมาณ 765 ไร่ ห่างจากด่านพรมแดนสะเดาปัจจุบัน 1.5 กิโลเมตร ซึ่งกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้กรมศุลกากรใช้ประโยชน์แล้ว โดยมีบริษัท เอ.เอส.เอ การช่าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคาก่อสร้าง และหลังจากที่เซ็นสัญญาแล้วจะใช้เวลาก่อสร้าง 780 วันจึงจะแล้วเสร็จ
“การค้าด่านชายแดนไทย-มาเลเซียมีทั้งหมด 8 ด่าน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551-มิถุนายน 2552 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 276,203.70 ล้านบาท และมีคนผ่านด่านปีละกว่า 2 ล้านคน ขณะที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองมีพื้นที่เพียง 40 กว่าไร่ ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้น จึงมีโครงการก่อสร้างด่านแห่งใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตทั้งด้านธุรกิจ การค้า และการท่องเที่ยวในอนาคต” นายอาทิตย์กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเวนคืนที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการบุกรุกแผ้วถางเพื่อทำสวนยางพารา ไม้ผลทั้งที่ดินป่าสงวน และที่ดิน ส.ป.ก. โดยมีการจ่ายค่าชดเชยแล้ว 79 ไร่ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่จำนวน 43 ราย รวม 60 แปลง ซึ่งพบว่าเหตุที่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากชาวบ้านเรียกร้องค่าชดเชยพืชเกษตรสูงเกินกว่าราคาที่รัฐจะจ่ายให้ โดยเฉพาะต้นยางพาราที่ชาวบ้านปลูกไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐเสนอค่าชดเชยเฉลี่ยต้นละ 1,561 บาท หรือไร่ละ 109,286 บาท แต่ชาวบ้านเรียกร้องให้จ่ายถึงต้นละ 8,000 บาท ทำให้ขั้นตอนนี้ยังมีความล่าช้าอยู่มาก จนกว่าจะหาข้อสรุปอันเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่ายได้
ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา กล่าวว่า หากโครงการดังกล่าวเสร็จตามกำหนดจะส่งผลดีในด้านการบริการต่างๆจะรวดเร็วขึ้น ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย การควบคุมสินค้าเป็นไปด้วยความสะดวก รวมถึงสร้างความได้เปรียบให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ และมีโอกาสสร้างงานด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2555 การค้าด่านศุลกากรสะเดาจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยมีมูลค่าการค้าประมาณ 506,750 ล้านบาท และมีปริมาณรถผ่านเข้าออกประมาณ 1,156,393 คัน จะมีตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเข้าออกด่านศุลกากร ประมาณ 2 ล้านตู้จากไทย สิงคโปร์ มาเลเซียและจีน
รวมทั้งเป็นโอกาสอันดีในการเปิดการค้าเสรีอาเซียนในภูมิภาคนี้ ประกอบกับไทยมีกรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศ IMT-GT ที่ขยายพื้นที่ความร่วมมือครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้เป็นฐานที่เหนียวแน่น ที่สามารถส่งสินค้าทางบกผ่านประเทศไทยไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังใช้โอกาสนี้สามารถเชื่อมโยงการค้ากับจีนในอนาคต โดยเฉพาะในปี 2554 ที่โครงการสะพานเชื่อมไทย-ลาว เพื่อเชื่อมต่อถนนเส้น R3a เชื่อมคุนหมิงกับด่านเชียงของ จ.เชียงรายสร้างเสร็จสิ้นเรียบร้อย
จากมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนธันวาคม 2545 ได้ให้กรมศุลกากรสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาทนั้น
นายอาทิตย์ วิสุทธิสมจาร สารวัตรศุลกากร 7 ด่านศุลกากรสะเดา เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองล่าปัง ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เนื้อที่ประมาณ 765 ไร่ ห่างจากด่านพรมแดนสะเดาปัจจุบัน 1.5 กิโลเมตร ซึ่งกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้กรมศุลกากรใช้ประโยชน์แล้ว โดยมีบริษัท เอ.เอส.เอ การช่าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคาก่อสร้าง และหลังจากที่เซ็นสัญญาแล้วจะใช้เวลาก่อสร้าง 780 วันจึงจะแล้วเสร็จ
“การค้าด่านชายแดนไทย-มาเลเซียมีทั้งหมด 8 ด่าน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551-มิถุนายน 2552 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 276,203.70 ล้านบาท และมีคนผ่านด่านปีละกว่า 2 ล้านคน ขณะที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองมีพื้นที่เพียง 40 กว่าไร่ ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้น จึงมีโครงการก่อสร้างด่านแห่งใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตทั้งด้านธุรกิจ การค้า และการท่องเที่ยวในอนาคต” นายอาทิตย์กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเวนคืนที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการบุกรุกแผ้วถางเพื่อทำสวนยางพารา ไม้ผลทั้งที่ดินป่าสงวน และที่ดิน ส.ป.ก. โดยมีการจ่ายค่าชดเชยแล้ว 79 ไร่ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่จำนวน 43 ราย รวม 60 แปลง ซึ่งพบว่าเหตุที่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากชาวบ้านเรียกร้องค่าชดเชยพืชเกษตรสูงเกินกว่าราคาที่รัฐจะจ่ายให้ โดยเฉพาะต้นยางพาราที่ชาวบ้านปลูกไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐเสนอค่าชดเชยเฉลี่ยต้นละ 1,561 บาท หรือไร่ละ 109,286 บาท แต่ชาวบ้านเรียกร้องให้จ่ายถึงต้นละ 8,000 บาท ทำให้ขั้นตอนนี้ยังมีความล่าช้าอยู่มาก จนกว่าจะหาข้อสรุปอันเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่ายได้
ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา กล่าวว่า หากโครงการดังกล่าวเสร็จตามกำหนดจะส่งผลดีในด้านการบริการต่างๆจะรวดเร็วขึ้น ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย การควบคุมสินค้าเป็นไปด้วยความสะดวก รวมถึงสร้างความได้เปรียบให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ และมีโอกาสสร้างงานด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2555 การค้าด่านศุลกากรสะเดาจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยมีมูลค่าการค้าประมาณ 506,750 ล้านบาท และมีปริมาณรถผ่านเข้าออกประมาณ 1,156,393 คัน จะมีตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเข้าออกด่านศุลกากร ประมาณ 2 ล้านตู้จากไทย สิงคโปร์ มาเลเซียและจีน
รวมทั้งเป็นโอกาสอันดีในการเปิดการค้าเสรีอาเซียนในภูมิภาคนี้ ประกอบกับไทยมีกรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศ IMT-GT ที่ขยายพื้นที่ความร่วมมือครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้เป็นฐานที่เหนียวแน่น ที่สามารถส่งสินค้าทางบกผ่านประเทศไทยไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังใช้โอกาสนี้สามารถเชื่อมโยงการค้ากับจีนในอนาคต โดยเฉพาะในปี 2554 ที่โครงการสะพานเชื่อมไทย-ลาว เพื่อเชื่อมต่อถนนเส้น R3a เชื่อมคุนหมิงกับด่านเชียงของ จ.เชียงรายสร้างเสร็จสิ้นเรียบร้อย
