ตรัง - เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.สิเกา จังหวัดตรัง จับกุม 5 ผู้ต้องหาพร้อมอาวุธปืนที่ขนขึ้นไปหวังทำลายฝ่ายตรงข้าม กรณีแย่งกันครอบครองที่ดินเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
วันนี้ (23 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท.แดง ศรีสมบูรณ์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.สิเกา จังหวัดตรัง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย เข้าไปตรวจสอบพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านฉางหลาง ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา หลังรับแจ้งว่ามีกลุ่มคนพร้อมอาวุธปืนครบมือกำลังขึ้นไปบนเนินเขาสูง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เพื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างการถือครองที่ดินในเขตอุทยานฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2551 ก็ได้เกิดเหตุในพื้นที่เดียวกัน แต่เป็นคนละแปลง โดยฝ่ายตรงข้ามได้ใช้อาวุธปืนลอบยิงคู่อริจนบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย และหลังจากนั้นก็เคยเกิดเหตุการณ์ยิงข่มขู่คู่อริที่ยึดครองที่ดินแปลงเดียวกันมาแล้ว ทั้งๆ ที่ที่ดินทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าวเป็นของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ซึ่งคนที่เข้าไปทำกินถือว่าบุกรุกและกระทำผิดกฎหมาย แต่กลับมีชาวบ้านบางคนยังลักลอบเข้าไปแผ้วถางป่า เพื่อปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันโดยไม่สนใจทางราชการ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบกลุ่มคนชายฉกรรจ์ 5 คน พร้อมอาวุธปืนที่ถือไว้ในมือรวม 5 กระบอก ประกอบด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอก และอาวุธปืนแก๊ป 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 7 นัด และมีดพร้า 3 เล่ม ขณะกำลังเดินเรียงแถวเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหาข่อพิพาทกันดังกล่าว จึงจับกุมตัวผู้มีอาวุธปืนไว้ในครองครอง เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิเกา
ประกอบด้วย นายจันทวาส จันทร์เกตุ อายุ 25 ปี อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นายดล หมื่นท่องวารี อายุ 31 ปี อยู่หมู่ที่ 7 อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นายประยงค์ ตรงมะตรัง อายุ 28 ปี อยู่หมู่ที่ 5 อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นายกมล โพชสาลี อายุ 26 ปี ผู้เป็นพี่ชาย และนายวีระพงษ์ โพชสาลี อายุ 25 ปี ผู้เป็นน้องชาย อยู่หมู่ที่ 3 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง จึงแจ้งข้อหามีและพกพาอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ร.ต.ท.แดง กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นตนได้รับข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกัน เรื่องการลักลอบเข้าไปทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เดินทางเข้าไปในพื้นที่เพื่อเข้าไปทำประโยชน์เช่นเดิม แต่หวาดระแวงกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามซึ่งอ้างสิทธิลักลอบถือครองที่ดินทำกินแปลงเดียวกันจะใช้อาวุธปืนลอบยิงอีกครั้ง หลังจากเคยถูกยิงข่มขู่มาแล้ว ดังนั้น ในครั้งนี้จึงยกพวกเดินทางเข้าไปพร้อมอาวุธปืนเพื่อหวังจะทำการคุ้มกันจากการถูกคู่อริจะลอบทำร้าย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้เสียก่อน
ร.ต.ท.แดง กล่าวอีกว่า สภาพพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ปัจจุบันมีชาวบ้านเข้าไปแผ้วถางป่าเพื่อปลูกยางพาราจำนวนมาก มีทั้งยางพาราขนาดเล็กที่เพิ่งปลูก และต้นยางพาราที่กรีดได้แล้ว แม้ทางอุทยานฯ จะเข้าไปปักป้ายประกาศห้ามประชาชนเข้าไปบุกรุกแล้ว ส่วนกรณีที่มีปัญหาถึงขั้นยกพวก พร้อมอาวุธปืน ไปเพื่อเตรียมที่จะเปิดศึกกันนั้น มีสาเหตุมาจากชาวบ้านบางคนที่ลักลอบเข้าไปแผ้วถางป่าในพื้นที่อุทยานฯ ได้ไปหลอกว่าเป็นที่ดินของตนเอง แล้วขายให้กับคนนอกพื้นที่
ร.ต.ท.แดง กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการซื้อขายกันเสร็จแล้ว เมื่อผู้ซื้อที่ดินซึ่งมาจากต่างถิ่นจะเข้าไปทำกิน ปรากฎว่าไปพบกับเจ้าของที่เป็นผู้จับจองก่อน จึงมีปัญหาข้อพิพาทกันขึ้น และต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำกิน ทั้งๆ ที่เป็นที่ดินของรัฐ ใครจะถือครองทำกินไม่ได้ จึงเกิดปัญหาลักลอบยิงกัน ทั้งนี้ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา สืบทราบ จึงนำกำลังเข้าไปในพื้นที่เพื่อจับกุม และป้องกันเหตุไม่ให้มีการฆ่ากัน ส่วนการจะเอาผิดเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้นั้นเป็นหน้าที่ของทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม
วันนี้ (23 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท.แดง ศรีสมบูรณ์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.สิเกา จังหวัดตรัง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย เข้าไปตรวจสอบพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านฉางหลาง ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา หลังรับแจ้งว่ามีกลุ่มคนพร้อมอาวุธปืนครบมือกำลังขึ้นไปบนเนินเขาสูง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เพื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างการถือครองที่ดินในเขตอุทยานฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2551 ก็ได้เกิดเหตุในพื้นที่เดียวกัน แต่เป็นคนละแปลง โดยฝ่ายตรงข้ามได้ใช้อาวุธปืนลอบยิงคู่อริจนบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย และหลังจากนั้นก็เคยเกิดเหตุการณ์ยิงข่มขู่คู่อริที่ยึดครองที่ดินแปลงเดียวกันมาแล้ว ทั้งๆ ที่ที่ดินทั้งหมดในพื้นที่ดังกล่าวเป็นของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ซึ่งคนที่เข้าไปทำกินถือว่าบุกรุกและกระทำผิดกฎหมาย แต่กลับมีชาวบ้านบางคนยังลักลอบเข้าไปแผ้วถางป่า เพื่อปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันโดยไม่สนใจทางราชการ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบกลุ่มคนชายฉกรรจ์ 5 คน พร้อมอาวุธปืนที่ถือไว้ในมือรวม 5 กระบอก ประกอบด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอก และอาวุธปืนแก๊ป 2 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 7 นัด และมีดพร้า 3 เล่ม ขณะกำลังเดินเรียงแถวเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหาข่อพิพาทกันดังกล่าว จึงจับกุมตัวผู้มีอาวุธปืนไว้ในครองครอง เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิเกา
ประกอบด้วย นายจันทวาส จันทร์เกตุ อายุ 25 ปี อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นายดล หมื่นท่องวารี อายุ 31 ปี อยู่หมู่ที่ 7 อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นายประยงค์ ตรงมะตรัง อายุ 28 ปี อยู่หมู่ที่ 5 อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นายกมล โพชสาลี อายุ 26 ปี ผู้เป็นพี่ชาย และนายวีระพงษ์ โพชสาลี อายุ 25 ปี ผู้เป็นน้องชาย อยู่หมู่ที่ 3 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง จึงแจ้งข้อหามีและพกพาอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ร.ต.ท.แดง กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นตนได้รับข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกัน เรื่องการลักลอบเข้าไปทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เดินทางเข้าไปในพื้นที่เพื่อเข้าไปทำประโยชน์เช่นเดิม แต่หวาดระแวงกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามซึ่งอ้างสิทธิลักลอบถือครองที่ดินทำกินแปลงเดียวกันจะใช้อาวุธปืนลอบยิงอีกครั้ง หลังจากเคยถูกยิงข่มขู่มาแล้ว ดังนั้น ในครั้งนี้จึงยกพวกเดินทางเข้าไปพร้อมอาวุธปืนเพื่อหวังจะทำการคุ้มกันจากการถูกคู่อริจะลอบทำร้าย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้เสียก่อน
ร.ต.ท.แดง กล่าวอีกว่า สภาพพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ปัจจุบันมีชาวบ้านเข้าไปแผ้วถางป่าเพื่อปลูกยางพาราจำนวนมาก มีทั้งยางพาราขนาดเล็กที่เพิ่งปลูก และต้นยางพาราที่กรีดได้แล้ว แม้ทางอุทยานฯ จะเข้าไปปักป้ายประกาศห้ามประชาชนเข้าไปบุกรุกแล้ว ส่วนกรณีที่มีปัญหาถึงขั้นยกพวก พร้อมอาวุธปืน ไปเพื่อเตรียมที่จะเปิดศึกกันนั้น มีสาเหตุมาจากชาวบ้านบางคนที่ลักลอบเข้าไปแผ้วถางป่าในพื้นที่อุทยานฯ ได้ไปหลอกว่าเป็นที่ดินของตนเอง แล้วขายให้กับคนนอกพื้นที่
ร.ต.ท.แดง กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการซื้อขายกันเสร็จแล้ว เมื่อผู้ซื้อที่ดินซึ่งมาจากต่างถิ่นจะเข้าไปทำกิน ปรากฎว่าไปพบกับเจ้าของที่เป็นผู้จับจองก่อน จึงมีปัญหาข้อพิพาทกันขึ้น และต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำกิน ทั้งๆ ที่เป็นที่ดินของรัฐ ใครจะถือครองทำกินไม่ได้ จึงเกิดปัญหาลักลอบยิงกัน ทั้งนี้ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา สืบทราบ จึงนำกำลังเข้าไปในพื้นที่เพื่อจับกุม และป้องกันเหตุไม่ให้มีการฆ่ากัน ส่วนการจะเอาผิดเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้นั้นเป็นหน้าที่ของทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม