นายกเล็กเมืองป่าตองยันเศรษฐกิจซบไม่กระทบลงทุนเอกชนเข้ามาลงทุนตลอด

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “เปี่ยน กี่สิ้น” นายกเล็กเมืองป่าตอง ยืนยันแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำ แต่จัดเก็บรายได้ยังเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนทุกปีได้กว่า 270 ล้านบาท จากที่มีเอกชนเข้ามาลงทุนตลอด เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับให้ทันกับการลงทุนทั้งระบบบำบัดน้ำเสีย การตัดถนนเพิ่ม

นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เข้ามาบริหารเทศบาลเมืองป่าตอง เมื่อเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา โดยได้มีการแถลงนโยบายในการปฎิบัติงานไว้ 7 ด้าน ประกอบด้วย นโยบายด้านการศึกษา นโยบายด้านสังคมและคุณภาพชีวิต นโยบายด้านการบริหารจัดการ นโยบายด้านเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว นโยบายด้านสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นโยบายด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้วตามเป้าหมายที่วางไว้

โดยในปีงบประมาณ 2552 เทศบาลเมืองป่าตองได้ประมาณการจัดเก็บรายได้ไว้ที่ 270 ล้านบาท ซึ่งจากการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา การจัดเก็บไม่ต่างจากเป้าหมายที่วางไว้ โดยเป็นรายได้ซึ่งมาจากการจัดเก็บของเทศบาลเอง

เช่น ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม ค่าปรับและใบอนุญาต เป็นต้น และรายได้จากเงินอุดหนุนของรัฐบาล แม้ว่าจะเป็นช่วงที่มีปัญหาในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ และมีการลดอัตราค่าธรรมเนียมในกิจการบางประเภท เช่น การทำนิติกรรมที่ดิน ซึ่งทำให้รายได้จากส่วนนี้ลดไปประมาณ 40 % เป็นต้น แต่ในภาพรวมผู้ประกอบการยังคงจ่ายภาษีและค่าธรรมต่างๆ ตามปกติ รวมทั้งการนำระบบแผนที่ภาษีมาใช้ จึงทำให้สามารถจัดเก็บรายได้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

นายเปี่ยน ได้กล่าวถึงแผนงานโครงการในปีงบประมาณ 2553-2556 ว่า ด้วยความสำคัญของการเมืองเมืองท่องเที่ยวหลัก เชื่อว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลกลางเพื่อมาจัดทำโครงการต่างๆ ตามที่ได้วางแผนงานไว้ โดยเฉพาะทางด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

เช่น โครงการก่อสร้างถนนผังเมืองสาย ก ซึ่งเสนอของบประมาณผ่านทางกรมทางหลวงชนบทและกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนประมาณ 500-600 ล้านบาท โครงการสายไฟฟ้าลงดิน ซึ่งจะของบประมาณจากรัฐบาลกลางผ่านทางกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 400-500 ล้านบาท โครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียระยะที่ 4 ประมาณ 100 ล้านบาทที่จะได้รับจากกองทุนสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

นายเปี่ยน กล่าวด้วยว่า แม้ว่าจะเกิดปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจและอื่นๆ แต่ด้วยความจำเป็นในการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวก็คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับมีสัญญาณการลงทุนของภาคเอกชนในพื้นที่ของป่าตอง ซึ่งพบว่ายังคงมีการขออนุญาตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จากฐานข้อมูลในปี 2550 พบว่ามีผู้ประกอบการยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการจำนวน 280 ราย ในปี 2551 เพิ่มขึ้นเป็น 300 ราย

อย่างไรก็ตาม นอกจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แล้ว ยังได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งได้มีการจัดทำโครงการเพื่อติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มเติม ให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ ตลอดจนการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งปีนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินการเพื่อยกระดับของงานให้มีความเป็นสากลมากขึ้น