ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ตสั่งเก็บข้อมูลคนไทยเป็นนอมินีให้นักลงทุนต่างชาติ ให้จัดทำรายละเอียดการลงทุนของต่างชาติทั้งหมดเกือบ 20,000 ราย พร้อมให้สรรพากรเข้มจัดเก็บภาษีเต็มที่ มุ่งเป้าไปในธุรกิจที่ลงทุนแล้วภูเก็ตไม่ได้ประโยชน์แต่ต้องแบกรับภาระทั้งแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม ปัญหาสิ่งแวดล้อม
เมื่อเร็วๆ นี้ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ชาวต่างชาติประกอบธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตในลักษณะนอมินี โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าพนักงานที่ดิน หัวหน้าสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า สรรพากร ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาภูเก็ต สำนักงานทะเบียนธุรกิจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรวบรวมข้อมูลการเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติในภูเก็ตในลักษณะนอมินี ภายหลังจากที่มีข่าวจากสื่อมวลชนระบุว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งในหลายจังหวัดที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการในลักษณะของนอมินี และอาจจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่วิถีชีวิตของคนภูเก็ต และต่อการพัฒนารวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดภูเก็ตและประเทศ
ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับข้อมูลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาประกอบธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน ข้อมูลชาวต่างชาติที่เสียภาษีให้แก่ทางราชการ การประกอบธุรกิจประเภทใดที่คาดว่าชาวต่างชาติประกอบธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตในลักษณะนอมินี รวมถึงผลดีและผลเสียจากการประกอบธุรกิจชาวต่างชาติในจังหวัดภูเก็ตในลักษณะนอมินี และหากมีผลเสียจะมีมาตรการการป้องกันตนและแก้ไขปัญหาอย่างไร
นายวีระชัย ตันติวัฒนวรรณลพ หัวหน้าสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในภูเก็ตส่วนใหญ่แล้วจะเข้ามาลงทุนในลักษณะร่วมลงทุนกับคนไทยในลักษณะคนไทยถือหุ้นร้อยละ 51 คนต่างชาติถือหุ้นร้อยละ 49 ส่วนการเข้ามาลงทุนโดยใช้ พ.ร.บ.การลงทุนของคนต่างด้าวมีน้อยมาก
การเข้ามาลงทุนของคนต่างชาติในภูเก็ต จะมีคนไทยเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำการจดทะเบียนบริษัทว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งการเข้ามาลงทุนของคนต่างชาติ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้หาแนวทางในการที่จะป้องกันไม่ให้คนไทยเข้ามาเป็นนอมินีให้แก่ต่างชาติ ในช่วงที่ผ่านมาได้ออกระเบียบให้มีการนำบัญชีธนาคารมาแสดงแต่ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จเมื่อมีการนำบัญชีมาแสดง แต่เมื่อจดทะเบียนเสร็จก็มีการถอนเงินออกจากบัญชีทันที วิธีการนี้จึงได้ยกเลิกไป
ขณะนี้กรมกำลังจะมีมาตรการในการป้องกันการใช้คนไทยเป็นนอมินีของคนต่างชาติใหม่ โดยการโชว์แหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ลงทุน และกรณีที่คนต่างชาติมีสิทธิในการทำนิติกรรมเพียงคนเดียวกัน คนไทยที่ถือหุ้นด้วยจะต้องโชว์บัญชีเช่นกัน โดยมาตรการดังกล่าวจะมีการเสนอขอความเห็นชอบจากครม.ในเร็วๆนี้ และขณะนี้การจดทะเบียนใช้บุคคลเพียง 3 คนเท่านั้นเอง
สำหรับข้อมูลล่าสุดของสำนักงานพัฒนาการค้า ที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูเก็ต โดยการร่วมลงทุนนั้นมีทั้งสิ้น 19,653 ราย มูลค่าการลงทุน 62,503,237,813 บาท
ในขณะที่นายไพฑูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของการทำนิติกรรมที่ดินของคนต่างชาติ สำนักงานที่ดินจะมีการตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานพัฒนาธุรกิจก่อนที่จะทำนิติกรรมให้แก่นิติบุคคลที่มีต่างชาติร่วมลงทุน แต่จะมีปัญหาว่าหลังจากที่มีการทำนิติกรรมที่ดินแล้วจะมีการโอนหุ้นเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ซึ่งหากมีการตรวจพบว่าคนต่างชาติมีการถือหุ้นมากกว่าก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ธุรกิจที่เข้ามาลงทุนในภูเก็ตโดยคนไทยเข้าไปเป็นนอมินีให้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม รีสอร์ต คอนโดมิเนียม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทนำเที่ยว โดยคนต่างชาติให้คนไทยเข้ามาถือหุ้นแต่อำนาจการบริหารจัดการทุกอย่างอยู่ที่คนต่างชาติทั้งหมด รวมทั้งการดำเนินธุรกิจโดยใช้ภรรยาที่เป็นคนไทยออกหน้า
ทั้งนี้ ได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางในที่ประชุม โดยได้ยกตัวอย่างกรณีของทัวร์เกาหลีที่เข้ามาดำเนินการในภูเก็ต ที่ภูเก็ตแทบจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการที่คนเกาหลีเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น และมีการจ้างคนไทยให้เป็นนอมินี เช่นเดียวกับธุรกิจดำน้ำที่ดำเนินการโดยคนต่างชาติ มีการจ่ายเงินค่าทัวร์ดำน้ำกันในต่างประเทศ แต่มาใช้ทรัพยากรใต้น้ำของเรา ธุรกิจดำน้ำแต่ละปีสร้างรายได้มหาศาล แต่สิ่งที่ภูเก็ตได้ประโยชน์จากธุรกิจนี้แทบจะไม่มี เลย
นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า โรงแรมในป่าตองส่วนใหญ่เจ้าของยังเป็นคนไทย ซึ่งดูได้จากฐานการจัดเก็บภาษีโรงเรือนของเทศบาล แต่ก็มีบ้างที่เป็นการลงทุนโดยคนต่างชาติและมีคนไทยร่วมลงทุนด้วย เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนด้านโรงแรมที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่นเดียวกับที่หาดกะตะ กะรน ที่ยังมีโรงแรมที่เป็นของคนไทยจำนวนมาก มีเพียงไม่กี่แห่งที่เป็นการลงทุนโดยคนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้สั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นจัดทำแผนที่สถานประกอบการทั้งหมดในแต่ละพื้นที่ว่า มีสถานประกอบการใดบ้างที่มีการลงทุนโดยชาวต่างชาติ พร้อมทั้งให้สรรพากรเข้าไปตรวจสอบเรื่องการจ่ายภาษีของคนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในภูเก็ต และกรณีของอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม ได้สั่งการให้ธนารักษ์ตรวจสอบข้อมูลการขายที่แท้จริงเป็นราคาประเมินในการโอนห้องชุด หลังจากที่ได้ข้อมูลมาแล้วก็จะหารือกันอีกรอบหนึ่ง
ผู้ว่าฯ กล่าวอีกว่า จังหวัดภูเก็ตไม่ได้กีดกันการเข้ามาลงทุนของคนต่างชาติ แต่ต้องการให้ภูเก็ตได้รับประโยชน์จากการเข้ามาลงทุนของคนต่างชาติอย่างสูงสุด และคนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยไม่ใช่ใช้ช่องว่างของกฎหมายในการหาประโยชน์จากภูเก็ต ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงและปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม