ระนอง - ศาลจังหวัดระนองพิพากษาประหารชีวิตภรรยาชาวไทยที่ร่วมกับแฟนเก่าจ้างฆ่าสามี วิศวกรบริษัทขุดเจาะน้ำมันชาวแคนาดา เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของชาวระนอง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ (27 ส.ค.) ที่ศาลจังหวัดระนอง นายสุพาทน์ สุชาตานนท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดระนอง พร้อมองค์คณะได้ออกนั่งบัลลังก์ห้องพิจารณาคดีที่ 4 เพื่ออ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2464/2551 ที่พนักงานอัยการจังหวัดระนอง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางมณีรัตน์ หรือ นี เฮนรี่ หรือ แฮรี่ จำเลยที่ 1 นายอมรศักดิ์ หรือ อ้อ เกษแก้ว จำเลยที่ 2 และ นายจินดา หรือ เป้ แซ่แต้ จำเลยที่ 3 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมี นายริชาร์ด เฮนรี่ อายุ 46 ปีน้องชายนายเดลจอร์จ ผู้ตาย พร้อมกับภรรยาชาวไทยและเพื่อนๆ ประมาณ 10 คน เข้ารับฟังการอ่านคำพิพากษาด้วย ส่วนจำเลยทั้ง 3 คน มีหน้าตาเรียบเฉย
ซึ่งคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องโดยย่อว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2551 เวลาใดไม่ชัดเจน จำเลยที่ 1 โดยเจตนาฆ่า นายเฮนรี่ เอล จอร์จ หรือ เดล จอร์จ ได้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้างวานให้จำเลยที่ 2 จัดหาคนร้ายซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ให้ฆ่า นายเฮนรี่ ซึ่งเป็นสามีนางมณีรัตน์ ภายในบ้านเช่าที่นางมณีรัตน์อยู่อาศัยกับ นายเดล จอร์จ หมู่ที่ 4 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง จน นายเดล จอร์จ เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2551 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระนอง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 3 คน โดยมีหลักฐานเด็ดอยู่ที่ข้อความสั้น หรือ SMS ที่ตำรวจตรวจสอบได้จากโทรศัพท์มือถือของนางมณีรัตน์ ที่ส่งไปถึงนายอมรศักดิ์ ซึ่งเป็นแฟนเก่า เพื่อให้จัดหามือปืนฆ่าสามีตัวเอง โดยอ้างว่าสามี มีนิสัยชอบดื่มสุราเมื่อเมาแล้วจะดุด่าเหยียดหยามดูหมิ่นต่างๆ นานา พร้อมทั้งทำร้ายร่างกายตนเองอยู่เป็นประจำ
ศาลได้พิเคราะห์จากพยาน หลักฐานต่างๆ คำให้การของจำเลยและโจทก์แล้ว ได้พิพากษาให้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 84 ลงโทษประหารชีวิต คำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกตลาดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) มาตรา 371, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียบอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 วรรค 3, 72 ทวิ การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต คำให้การของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ เมื่อลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษฐานอื่นมารวมได้ คงให้จำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิต ริบของกลาง
ซึ่งภายหลังทราบคำพิพากษานางมณีรัตน์ ถึงกับน้ำตาไหล ส่วน นายอมรศักดิ์ และ นายจินดา สีหน้ายังคงเรียบเฉย แล้วถูกควบคุมตัวเข้าห้องขังภายในศาลทันที
ด้าน นายริชาร์ด กล่าวว่า มีความพึงพอใจที่ศาลจังหวัดระนองได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้ต้องหาที่ฆ่าพี่ชายตนเองหลังจากที่รอคอยมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง ตนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตนเชื่อว่า พี่ชายคงรับรู้การพิพากษาของศาลในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากตนได้นำเอากระดูกของพี่ชายที่บรรจุไว้ในโกศติดรถมาด้วย และเชื่อว่าพี่ชายยังอยู่ใกล้ๆ ตนเพราะภรรยาชาวไทยของตนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น จะได้ลูกชาย และแพทย์บอกว่าจะคลอดตรงกับวันเกิดของพี่ชายพอดี เชื่อว่า พี่ชายกลับชาติมาเกิดใหม่
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนคิดว่าเป็นไปได้ทุกประเทศที่มีการฆ่ากัน ไม่ใช่เฉพาะเพียงประเทศไทยเท่านั้น ตนยังคงรักและชอบประเทศไทยเช่นเดิมเพราะตนก็มีภรรยาชาวไทยและกำลังจะได้ลูกชายด้วย” นายริชาร์ด กล่าว
นางสุภาวดี เทียนชัย อายุ 44 ปี ญาติผู้น้องของนายจินดา จำเลยที่ 3 กล่าวว่า จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2551 เมื่อ ร.ต.อ.ถาวร อัมพันธ์ ร้อยเวร สภ. เมืองระนองได้รับแจ้งว่ามีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 55/2 หมู่ 4 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบไปที่เกิดเหตุพบศพ นายเดล จอร์ด เฮนรี่ ในสภาพนอนหงายใส่เสื้อยืดคอคมสีขาว กางเกงขาสั้นสีฟ้า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นปืนลูกซองสั้น สภาพถูกยิงบริเวณหน้าฝาก 1 รู ไหล่ซ้าย 3 รู แขนซ้าย 1 รู พบกองเลือดอยู่บนโซฟาและที่พื้นห้อง ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเช่าของ นายเดล จอร์ด เฮนรี่ และนางมณีรัตน์
หลังเกิดเหตุได้เรียก นางมณีรัตน์ มาสอบสวน ซึ่ง นางมณีรัตน์ ให้การวกวนไปมาขัดกับสาวใช้ชาวพม่าที่ชื่อนางโซโซแว เจ้าหน้าที่จึงนำโทรศัพท์มือถือของนางมณีรัตน์ มาตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2551 เวลา 22.13 น.มีการส่งข้อความ SMS มีข้อความว่า “บอกอาให้ทำพรุ่งนี้นะ ทำเสร็จแล้วค่อยไปงานศพนะ ทำให้ได้” และเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2551 เวลา 08.44 น.มีการส่งข้อความว่า “เธอบอกให้อาทำคืนนี้เลยนะ” ส่งไปยังมือถือของนายอมรศักดิ์ ทั้ง 2 ครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายอมรศักดิ์ มาสอบสวน โดยนายอมรศักดิ์ยอมรับว่า เมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.2551 นางมณีรัตน์ ได้ติดต่อมาหาตนเพื่อหามือปืนมายิงนายเดล จอร์ด เฮนรี่ โดยว่าจ้างในราคา 60,000 บาท จ่ายล่วงหน้า 30,000 บาท
เมื่อจนด้วยหลักฐาน นางมณีรัตน์ จึงได้ยอมรับว่าได้แต่งงานอยู่กินกับ นายเดล จอร์ด เฮนรี่ มาประมาณ 5 ปี ตนเองได้จัดหามือปืนมายิงสามีจริง สาเหตุมาจากการที่สามี มีนิสัยชอบดื่มสุราเป็นประจำ ชอบดุด่าเหยียดหยามดูหมิ่นต่างๆ นานา พร้อมทั้งทำร้ายร่างกายตนเองอยู่เป็นประจำ ตนจึงตัดสินใจให้นายอมรศักดิ์ซึ่งเป็นแฟนลับๆ กันมานาน ช่วยหามือปืนมายิงสามีของตนเอง โดยหลังจากได้ติดต่อกับนายอมรศักดิ์เพื่อหามือปืนเป็นที่เรียบร้อย จึงวางแผนการรอให้สามีดื่มสุราเมา โดยตนเองทำแกล้งว่าง่วงนอนจึงขึ้นไปนอนชั้นบน แล้วส่งสัญญาณโดยการปิดไฟภายในบ้านเพื่อให้มือปืนเข้ามายิงสามีจนเสียชีวิต จากนั้นจึงโทร.แจ้งตำรวจว่า มีคนร้ายเข้ามายิงสามีตนเองแล้วหลบหนีไป ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมคนร้ายพร้อมของกลางไว้ได้ทั้งหมดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คือ นางมณีรัตน์ นั่นเอง