ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การช่วยเหลือเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ถูกหลอกมาค้าประเวณีตามบาร์ในภูเก็ต หลังครอบครัวขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหาเพราะมั่นใจลูกถูกต้องหลอกลวงมาค้าประเวณี
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประการประชุมคณะกรรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปราบการค้ามนุษย์จังหวัดภูเก็ต (ศปคม.จังหวัดภูเก็ต) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดย น.ส.พรรณี สิทธิการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ได้ชี้แจงถึงการให้การช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่ถูกหลอกลวงมาทำงานขายบริการทางเพศในบาร์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 3 แห่งว่า ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ตได้รับการประสานจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ทำการช่วยเหลือ น.ส.ดวงดาว และ น.ส.ดวงเดือน (นามสมมติ) ว่าถูกญาติหลอกลวงมาให้ค้าประเวณีที่จังหัดภูเก็ต ทางสำนักงานฯจึงได้ประสานขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบบาร์ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณหาดกมลา
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ได้จับกุมเจ้าของร้านพร้อมของกลางบิลเงินสด เบียร์ 1 ขวด เงินสด 2,000 บาท และถุงยางอนามัย 1 ถุง โดยกล่าวหาว่าเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการทำผิดไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ และเป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการสถานการณ์ค้าประเวณีดังกล่าว มีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ทำการค้าประเวณี 2 คน คือ น.ส.ดวงดาว และ น.ส.ดวงเดือน (นามสมมุต) นั่งคอยให้บริการกับลูกค้าที่เข้ามาในร้าน พร้อมได้นำบุคคลดังกล่าวดังกล่าวเข้ารับการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพ ณ บ้านพักและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต
น.ส.พรรณี กล่าวอีกว่า การให้การช่วยเหลือ น.ส.ดวงดาว อายุ 17 ปี และ น.ส.ดวงเดือน อายุ 18 ปี นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากพ่อและแม่ของนางสาวดวงเดือนได้เข้าขอความช่วยเหลือกับทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ว่า น.ส.ดวงเดือนได้เดินทางมาภูเก็ตกับอาซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และชอบหนีออกมาเที่ยวที่ร้านและไปนั่งคุยกับพนักงานในร้านเป็นประจำและจะเดินทางกลับบ้านแต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน
ส่วน น.ส.ดวงดาว นั้นเดินทางมาจากจังหวัดหนองคายโดยการชักนำของเพื่อนมาทำงานอยู่ที่ร้าน โดยการเริ่มเป็นพนักงานเสริฟ ได้เงินเดือน 2,500 บาท ได้ค่าเรื่องดื่มจากแขกแก้วละ 40 บาท มีรายได้รวมประมาณเดือนละ 10,000-20,000 บาท และออกให้บริการแขกนอกสถานที่ แขกต้องจ่ายให้กับร้าน 300-500 บาท ส่วนรายได้ของ น.ส.ดวงดาวนั้นขึ้นอยู่กับการตกลงกับแขก และได้ส่งเงินไปช่วยครอบครัวเลี้ยงบุตรเดือนละ 15,000 [km
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประการประชุมคณะกรรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปราบการค้ามนุษย์จังหวัดภูเก็ต (ศปคม.จังหวัดภูเก็ต) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดย น.ส.พรรณี สิทธิการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ต ได้ชี้แจงถึงการให้การช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่ถูกหลอกลวงมาทำงานขายบริการทางเพศในบาร์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 3 แห่งว่า ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดภูเก็ตได้รับการประสานจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ทำการช่วยเหลือ น.ส.ดวงดาว และ น.ส.ดวงเดือน (นามสมมติ) ว่าถูกญาติหลอกลวงมาให้ค้าประเวณีที่จังหัดภูเก็ต ทางสำนักงานฯจึงได้ประสานขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบบาร์ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณหาดกมลา
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ได้จับกุมเจ้าของร้านพร้อมของกลางบิลเงินสด เบียร์ 1 ขวด เงินสด 2,000 บาท และถุงยางอนามัย 1 ถุง โดยกล่าวหาว่าเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการทำผิดไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ และเป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการสถานการณ์ค้าประเวณีดังกล่าว มีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ทำการค้าประเวณี 2 คน คือ น.ส.ดวงดาว และ น.ส.ดวงเดือน (นามสมมุต) นั่งคอยให้บริการกับลูกค้าที่เข้ามาในร้าน พร้อมได้นำบุคคลดังกล่าวดังกล่าวเข้ารับการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพ ณ บ้านพักและครอบครัวจังหวัดภูเก็ต
น.ส.พรรณี กล่าวอีกว่า การให้การช่วยเหลือ น.ส.ดวงดาว อายุ 17 ปี และ น.ส.ดวงเดือน อายุ 18 ปี นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากพ่อและแม่ของนางสาวดวงเดือนได้เข้าขอความช่วยเหลือกับทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ว่า น.ส.ดวงเดือนได้เดินทางมาภูเก็ตกับอาซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และชอบหนีออกมาเที่ยวที่ร้านและไปนั่งคุยกับพนักงานในร้านเป็นประจำและจะเดินทางกลับบ้านแต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน
ส่วน น.ส.ดวงดาว นั้นเดินทางมาจากจังหวัดหนองคายโดยการชักนำของเพื่อนมาทำงานอยู่ที่ร้าน โดยการเริ่มเป็นพนักงานเสริฟ ได้เงินเดือน 2,500 บาท ได้ค่าเรื่องดื่มจากแขกแก้วละ 40 บาท มีรายได้รวมประมาณเดือนละ 10,000-20,000 บาท และออกให้บริการแขกนอกสถานที่ แขกต้องจ่ายให้กับร้าน 300-500 บาท ส่วนรายได้ของ น.ส.ดวงดาวนั้นขึ้นอยู่กับการตกลงกับแขก และได้ส่งเงินไปช่วยครอบครัวเลี้ยงบุตรเดือนละ 15,000 [km
