ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สร้างแนวปะการังเทียมเพิ่มเกาะราชาใหญ่ภูเก็ตให้เต็มพื้นที่ หลังดำเนินการรอบแรกประสบความสำเร็จ แก้ปัญหาทำลายทรัพยากรธรรมชาติ/เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวคาดใช้งบกว่า 22 ล้านบาทเตรียมเสนอขอรับการสนับสนุน เชื่อวางปะการังเทียมเพิ่มอย่างน้อย 3พันแท่ง เพิ่มเรือ-รถถังดึงนักท่องเที่ยวเข้าดำน้ำชมปะการังไม่น้อยกว่า 4 พันคนต่อปีทำรายได้เพิ่มปีละ 100 ล้านบาท
นายไพฑูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว ถึงการจัดวางแนวปะการังบริเวณเกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณเกาะราชาใหญ่ ที่มีขนาดกว้าง ว่า ตามที่ชมรมอนุรักษ์เกาะราชาใหญ่ ได้ร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) ดำเนินโครงการจัดสร้างปะการังเทียม เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และลดผลกระทบจากการใช้ประโยชน์แนวปะการังธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากเหตุคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม ในพื้นที่เกาะราชาใหญ่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยจัดวางแท่งซีเมนต์จำนวน 300 แท่ง เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หลบภัย ของทรัพยากรสัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลนานาชนิด
ที่สำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ ช่วยลดผลกระทบจากการใช้ประโยชน์จากแนวปะการังธรรมชาติ ที่เกิดจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ เพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของแนวปะการังธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่การลงเกาะของตัวอ่อนปะการังธรรมชาติ และยังเป็นแนวกีดขวางป้องกันเครื่องมือประมงอวนลาก รวมถึงเป็นแหล่งทำการประมงให้แก่ประชาชน การส่งเสริมแหล่งประกอบอาชีพประมงของประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยไม่ต้องเดินทางออกไปในพื้นที่ห่างไกล ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันของชาวประมงขนาดเล็ก และที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง
นายไพฑูลกล่าวต่อไปว่า ผลจากการวางแนวปะการังเทียมที่บริเวณเกาะราชาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทรัพยากรปะการังและสัตว์น้ำในพื้นที่เกาะราชามีจำนวนเพิ่มขึ้น ตลอดจนมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปไปเที่ยวดำน้ำที่บริเวณเกาะราชามากขึ้นตามมาด้วยโดยขณะนี้มีนักท่องเที่ยวที่เข้าไปดำน้ำชมปะการังที่เกาะราชาเฉลี่ยวันละประมาณ 300 คน จากเรือท่องเที่ยวดำน้ำไม่น้อยกว่า 20 ลำ ที่นำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำเกาะราชาใหญ่ ซึ่งนอกจากจะมีแหล่งปะการังเทียมที่เป็นแท่งซีเมนต์แล้วบริเวณเกาะราชาใหญ่ ยังมีแหล่งปะการังเทียมที่ทำเป็นประติมากรรมที่ปั้นเป็นรูปต่างๆไม่ว่าจะเป็นยักษ์ ช้าง และอื่นๆ
นายไพฑูลกล่าวต่อไปว่า แม้ว่าการดำเนินการวางปะการังเทียมที่เกาะราชาใหญ่ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมเพราะเป็นพื้นที่ขนาดเล็กเท่านั้น ในขณะที่เกาะราชาใหญ่มีบริเวณอื่นๆ รอบเกาะที่ยังไม่ได้มีการฟื้นฟู หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชมอนุรักษ์เกาะราชาใหญ่ ได้ร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีแนวความคิดว่าจำเป็นต้องขยายพื้นที่วางแนวปะการังเทียมเพิ่มอย่างน้อย 3,000 แท่ง และควรจะมีการนำซากเรือเหล็กหรือซากรถถังนำไปวางเป็นแหล่งดำน้ำ
ทั้งนี้ เนื่องจากเกาะราชาใหญ่เป็นจุดขายของแหล่งดำน้ำของจังหวัดภูเก็ต และอยู่ไม่ไกลจากฝั่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกลับในวันเดียว ถ้าหากสามารถเพิ่มจุดดำน้ำชมปะกังเทียมได้ตามที่วางแนวทางไว้ ซึ่งจะใช้งบประมาณประมาณ 22 ล้านบาท จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนและของประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาดำน้ำชมปะการังที่เกาะราชาใหญ่ปีหนึ่งไม่ค้อยกว่า 4,000 คน และทำรายได้เพิ่มขึ้นปีละกว่า 100 ล้านบาท จึงอยากขอให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการดังกล่าว เพื่อให้ประสบผลสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของการท่องเที่ยวและการดูแลรักษาธรรมชาติต่อไป
สำหรับจุดวางแนวปะการังเทียมบริเวณเกาะราชาใหญ่ที่จะดำเนินการเพิ่มเติมจะวางตามจุดต่างๆประกอบด้วย แนวปะการังอ่าวพลับพลึง จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังอ่าวสยามจำนวน 500 แท่ง แนวปะการังอ่าวทือ จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังอ่าวขอนแค จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังฝั่งตะวันตก จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังด้านทิศใต้จำนวน 500 แท่ง และจุดวางเรือเหล็กและซากรถถัง ได้แก่ อ่าวขอนแค อ่าวพลับพลาและอ่าวสยาม
นายไพฑูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว ถึงการจัดวางแนวปะการังบริเวณเกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณเกาะราชาใหญ่ ที่มีขนาดกว้าง ว่า ตามที่ชมรมอนุรักษ์เกาะราชาใหญ่ ได้ร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) ดำเนินโครงการจัดสร้างปะการังเทียม เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และลดผลกระทบจากการใช้ประโยชน์แนวปะการังธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากเหตุคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม ในพื้นที่เกาะราชาใหญ่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยจัดวางแท่งซีเมนต์จำนวน 300 แท่ง เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หลบภัย ของทรัพยากรสัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลนานาชนิด
ที่สำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ ช่วยลดผลกระทบจากการใช้ประโยชน์จากแนวปะการังธรรมชาติ ที่เกิดจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ เพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของแนวปะการังธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่การลงเกาะของตัวอ่อนปะการังธรรมชาติ และยังเป็นแนวกีดขวางป้องกันเครื่องมือประมงอวนลาก รวมถึงเป็นแหล่งทำการประมงให้แก่ประชาชน การส่งเสริมแหล่งประกอบอาชีพประมงของประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยไม่ต้องเดินทางออกไปในพื้นที่ห่างไกล ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันของชาวประมงขนาดเล็ก และที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง
นายไพฑูลกล่าวต่อไปว่า ผลจากการวางแนวปะการังเทียมที่บริเวณเกาะราชาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทรัพยากรปะการังและสัตว์น้ำในพื้นที่เกาะราชามีจำนวนเพิ่มขึ้น ตลอดจนมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปไปเที่ยวดำน้ำที่บริเวณเกาะราชามากขึ้นตามมาด้วยโดยขณะนี้มีนักท่องเที่ยวที่เข้าไปดำน้ำชมปะการังที่เกาะราชาเฉลี่ยวันละประมาณ 300 คน จากเรือท่องเที่ยวดำน้ำไม่น้อยกว่า 20 ลำ ที่นำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำเกาะราชาใหญ่ ซึ่งนอกจากจะมีแหล่งปะการังเทียมที่เป็นแท่งซีเมนต์แล้วบริเวณเกาะราชาใหญ่ ยังมีแหล่งปะการังเทียมที่ทำเป็นประติมากรรมที่ปั้นเป็นรูปต่างๆไม่ว่าจะเป็นยักษ์ ช้าง และอื่นๆ
นายไพฑูลกล่าวต่อไปว่า แม้ว่าการดำเนินการวางปะการังเทียมที่เกาะราชาใหญ่ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมเพราะเป็นพื้นที่ขนาดเล็กเท่านั้น ในขณะที่เกาะราชาใหญ่มีบริเวณอื่นๆ รอบเกาะที่ยังไม่ได้มีการฟื้นฟู หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชมอนุรักษ์เกาะราชาใหญ่ ได้ร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีแนวความคิดว่าจำเป็นต้องขยายพื้นที่วางแนวปะการังเทียมเพิ่มอย่างน้อย 3,000 แท่ง และควรจะมีการนำซากเรือเหล็กหรือซากรถถังนำไปวางเป็นแหล่งดำน้ำ
ทั้งนี้ เนื่องจากเกาะราชาใหญ่เป็นจุดขายของแหล่งดำน้ำของจังหวัดภูเก็ต และอยู่ไม่ไกลจากฝั่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกลับในวันเดียว ถ้าหากสามารถเพิ่มจุดดำน้ำชมปะกังเทียมได้ตามที่วางแนวทางไว้ ซึ่งจะใช้งบประมาณประมาณ 22 ล้านบาท จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนและของประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาดำน้ำชมปะการังที่เกาะราชาใหญ่ปีหนึ่งไม่ค้อยกว่า 4,000 คน และทำรายได้เพิ่มขึ้นปีละกว่า 100 ล้านบาท จึงอยากขอให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการดังกล่าว เพื่อให้ประสบผลสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของการท่องเที่ยวและการดูแลรักษาธรรมชาติต่อไป
สำหรับจุดวางแนวปะการังเทียมบริเวณเกาะราชาใหญ่ที่จะดำเนินการเพิ่มเติมจะวางตามจุดต่างๆประกอบด้วย แนวปะการังอ่าวพลับพลึง จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังอ่าวสยามจำนวน 500 แท่ง แนวปะการังอ่าวทือ จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังอ่าวขอนแค จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังฝั่งตะวันตก จำนวน 500 แท่ง แนวปะการังด้านทิศใต้จำนวน 500 แท่ง และจุดวางเรือเหล็กและซากรถถัง ได้แก่ อ่าวขอนแค อ่าวพลับพลาและอ่าวสยาม