xs
xsm
sm
md
lg

เสริมเขี้ยวเล็บผู้ประกอบการภูเก็ตรับเปิดค้าเสรีอาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต- กรมเจรจาการค้าต่างประเทศ เสริมเขี้ยวเล็บให้ผู้ประกอบการในภูเก็ต รับการเปิดตลาดการค้าบริการในเวทีโลกและอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียนที่จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนถือหุ้นได้ถึง 70% ในปี 53 ผู้ประกอบการสปาเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้สปาไทยสามารถเข้าไปลงทุนตามโรงแรมในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ เพราะสปาไทยมีจุดแข็งกว่าประเทศอื่นๆ ขณะนี้ทางโรงพยาบาลเอกชนมองคนในอาเซียน จะเข้ามารักษาพยาบาลในไทยมากขึ้น

วันนี้ (18 ส.ค.) ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จ.ภูเก็ต กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดสัมมนาเรื่อง “การเปิดตลาดการค้าบริการของไทยในเวทีโลก : โอกาสหรือความท้าทาย” โดยมีผู้ประกอบการในภูเก็ตเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการเปิดเสรีการค้าบริการ เพื่อปรับตัวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

การสัมมนาในวันนี้มีหัวข้อหลัก ประกอบด้วย การเจรจาการค้าบริการของไทยในเวทีโลก การเปิดตลาดการค้าบริการของไทยภายใต้การตกลงต่างๆ และมุมมองของภาคเอกชนในสาขาบริการต่างๆ ได้แก่ สาขาการท่องเที่ยว สุขภาพ บริการธูรกิจ และโสตทัศน์ ซึ่งมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ร่วมให้ความรู้

นางสาวเก็จพิรุณ เกาะสุวรรณ์ นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้จัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งสร้างความตระหนักต่อการปรับตัว เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และให้ข้อมูลแก่ประชาชนเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาเปิดเสรีในระดับต่างๆ

การสัมมนาในครั้งนี้จะเน้นเรื่อง ความตกลงเปิดเสรีการค้าบริการของไทย ทั้งในกรอบการค้าโลก อาเซียน อาเซียน อาเซี่ยนกับประเทศคู่เจรจา และไทยกับประเทศคู่เจรจา โดยทางกรมได้มีการจัดสัมมนาในลักษณะดังกล่าวมีแล้ว 5 ครั้ง รวมทั้งกรุงเทพฯ และในเดือนตุลาคมนี้จะไปจัดที่จังหวัดนครพนม

สำหรับความคืบหน้าการเจรจาการค้าบริการของไทยในเวทีการค้าโลก นางสาวเก็จพิรุณ กล่าวว่า การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการค้าบริการในหลายสาขาเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชนทุกคน สำหรับผู้ประกอบการส่งออก การส่งออกของไทยจะไม่สามารถมีประสิทธิภาพได้ หากไทยมีความอ่อนแอในภาคบริการ การเปิดเสรีการค้าบริการ ที่เจรจากันอยู่ในปัจจุบันมี 3 เวทีหลัก คือ ระดับพหุภาคี ที่สำคัญคือ องค์การการค้าโลก ระดับภูมิภาค เช่น อาเซียน และระดับทวิภาคี เช่น เอฟทีเอ

การเปิดตลาดที่จะมีผลต่อคนไทยและผู้ประกอบการไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้ คือ การเปิดตลาดในกรอบอาเซียน ที่ประเทศไทยจะต้องเปิดโอกาสให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นในธุรกิจในประเทศไทยมากกว่าร้อยละ 50

นางสาวเก็จพิรุณ กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดการค้าเสรีในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น ในปี 2553 อาเซียนมีเป้าหมายที่จะให้นักลงทุนในอาเซียนสามารถเข้ามาลงทุนในกลุ่มระเทศอาเซียนด้วยกันโดยให้ถือหุ้นได้ถึง 70% ใน 4 สาขา คือ สาขาการขนส่งทางอากาศ สาขาการท่องเที่ยว สาขาการสุขภาพและสาขาโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะสาขาท่องเที่ยวถือว่า เป็นสาขาที่กลุ่มประเทศอาเซียนได้รับประเทศรวมกันอย่างสูงสุด เพราะทุกประเทศในกลุ่มอาเซียนมีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวสูง ไม่ว่าจะเป็นไทย เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ ที่สินค้าทางการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันสามารถที่จะเชื่อมโยงเป็นเพกเกจทัวร์ได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทย เรามีจุดแข็งในการที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ 3 สาขาหลักด้วยกัน คือ ด้านการก่อสร้าง การท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพ ซึ่งแต่ละสาขานั้นมีมูลค่าการลงทุนสูงในแต่ละปี อย่างสุขภาพมีการเข้ามาดูแลสุขภาพในประเทศไทยปีละเป็นแสนล้านบาท ด้านการท่องเที่ยวมีการไปลงทุนในต่างประเทศจำนวนมากเช่นกัน รวมทั้งด้านการก่อสร้างที่มีมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ซึ่งเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ และในขณะเดียวกันนักลงทุนไทย ต้องปรับตัวรองรับเงินลงทุนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนเช่นกัน

นายกัมปนาท ตันติวิท กรรมการ ภาค 8 ภาคใต้ตอนบน สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวการเปิดเสรีทางกาค้าในกลุ่มอาเซียน โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนแต่ละประเทศเข้ามาถือหุ้นลงทุนได้ถึงร้อยละ 70 ในปี 2553 ว่า ในส่วนของผู้ประกอบการเคเบิลภายในประเทศนั้น ไม่มีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ และในส่วนของนักลงทุนจากกลุ่มอาเซียนจะเข้ามาลงทุนในไทยก็ต้องใช้เงินลงทุนที่สูงเช่นกัน ซึ่งขณะผู้ประกอบการฯกว่า 300 ราย ได้รวมตัวกันเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาการให้บริรอย่างไร เพื่อไม่ได้รัยผลกระทบหากมีการลงทุนจากทุนภายนอกประเทศเข้ามา

ขณะที่ นายวิเชียร จูฑะมงคล นายกสมาคมสปาจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเปิดเสรีในกลุ่มประเทศอาเซียนถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสปาของไทย ที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะสปาของไทยถือว่าเป็นความโดดเด่นมาก และไทยเองก็มีความถนัดในเรื่องของการให้บริการสปาอยู่แล้ว และคิดว่าในส่วนของนักลงทุนจากต่างประเทศ ที่จะเข้ามาลงทุนด้านสปาในภูเก็ตนั้นไม่น่าที่จะมีมากนัก เพราะธุรกิจสปาในภูเก็ตขณะนี้ถือว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

การเปิดเสรีนักลงทุนไทยสามารถนำแบรนด์สปาเข้ามาเปิดตามโรงแรมต่างๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ โดยกลุ่มประเทศที่คิดว่ามีศักยภาพในการเข้ามาเปิดสปา เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม เป็นต้น เพราะประเทศเหล่านี้เป็นประเทศด้านการท่องเที่ยว ที่แต่ละปีมีนักท่องเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีปัญหาบ้างเรื่องของบุคลากรที่ทำหน้าที่นวด หากมีการออกไปลงทุนในต่างประเทศในลักษระของแบรนด์ต่างๆ เพราะจะต้องมีการดึงบุคลากรที่มีอยู่ในขณะนี้ไปทำงานในต่างประเทศ

ขณะที่ นายแพทย์ ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการอาวุโส เครือโรงพยาบาลกรุงเทพเขตภาคใต้ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า การเปิดเสรีทางการค้าด้านสุขภาพในอาเซียนนั้น จะแบ่งการออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ การลงทุนโรงพยาบาลจากนักลงทุนต่างชาติ การเข้ามารักษาพยาบาลของชาวต่างชาติ และการเคลื่อนย้ายบุคลากรทางการแพทย์ที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ

ในเรื่องของการลงทุนด้านโรงพยาบาล มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย โรงพยาบาลที่จะไปลงทุนในต่างประเทศได้นั้นจะต้องเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง ส่วนด้านบุคคลากรด้านการแพทย์ที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้ จะต้องได้รับใบอนุญาตการทำหน้าที่แพทย์จากสมาคมแพทย์สปา และจะต้องสอบความรู้ความสามารถที่เป็นภาษาไทย และเชื่อว่าคนไทยคงจะไม่นิยมที่จะเข้าไปรักษาพยาบาลกับแพทย์ชาวต่างชาติ เพราะแพทย์ไทยเองก็มีความรู้ความสามารถเป็นที่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้มากและรวดเร็วที่สุด คือ การดึงคนในกลุ่มอาเซียนเข้ามาดูแลสุขภาพในประเทศไทยและภูเก็ต เพราะประเทศไทยเรามีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและมีชื่อเสียงที่คนต่างชาติเดินทางมารักษาและดูแลสุขภาพเป็นจำนวนมาก

ในส่วนของภูเก็ตเอง ที่ผ่านมา เราได้มีการประชาสัมพันธ์และพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพอยู่แล้ว เพราะภูเก็ตมีศักยภาพรวมอยู่แล้ว อย่างกรณีของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตนั้น ในแต่ละปีจะมีคนต่างชาติเดินทางมาดูแลสุขภาพ เสริมความงาม ทำฟันและรักษาพยาบาลในช่วงที่เดินทางมาท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ โดยมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการในสัดส่วนประมาณ 20% และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นปีละ 8-10%




กำลังโหลดความคิดเห็น