ศูนย์ข่าวภูเก็ต-นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งรัสเชีย ออสเตรเลีย นิยมท่องเที่ยวแบบ Eco และ Adventure ทั้งล่องแก่ง นั่งช้างชมธรรมชาติ ที่สองแพรก จ.พังงา ช่วงไฮซีซันนักท่องเที่ยวใช้บริการ”ภูเก็ตซีแลนด์ “สูงถึงวันละ 200-300 คน จากธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ แต่พอเข้าช่วงโลว์ฯนักท่องเที่ยวลดลง ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจช่วงนี้ย่ำแย่มากๆ นักท่องเที่ยวลดลงมากถึง 80%
นายประจวบ ปิยะวรธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ตซีแลนด์ จำกัด เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่ ต.สองแพรก อ.เมือง จ.พังงา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์รักษาสัตว์ป่าโตนปริวรรต ว่า ขณะนี้ในบริเวณตำบลสองแพรกมีบริษัทนำเที่ยวเกิดขึ้นหลายแห่ง ที่ให้บริการนำเที่ยวแบบ Adventure ประมาณ 8-9 บริษัท ปกติจะมีกิจกรรมไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวที่ค่อนข้างจะหลากหลาย เช่น ล่องแก่ง นั่งช้างชมธรรมชาติ ขี่รถเอทีวี นั่งรถโฟร์วีลเที่ยวชมธรรมชาติในป่า เนื่องจากการท่องเที่ยวในลักษณะEco และ Adventure ในบริเวณตำบลสองแพรก ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก จากที่ยังมีธรรมชาติที่สมบูรณ์และสวยงาม
ในส่วนของภูเก็ตซีแลนด์ จะมีกิจกรรมให้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งล่องแก่ง นั่งช้างธรรมชาติ ขี่รถ ATV นั่งรถโฟร์วีล และยังมีกิจกรรมพิเศษคือ 1 “ฟลายอิ่งฟอร์ก” หรือกิจกรรมเหินเวหาระยะทาง 200 เมตร ใช้เวลา 30 วินาที โดยใช้ระบบชักรอก ซึ่งมีความมันส์หรือความตื่นเต้นและหวาดเสียวอยู่ในตัวเอ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมโอไนท์แคมปิ้ง ประกอบด้วยการ นอนพักเต็นส์แบบสบายๆ บริการอาหารแบบพื้นบ้าน โดยกิจกรรมหลักคือกิจกรรมละลายพฤติกรรม ที่มีการสร้างความเป็นผู้นำ การสร้างความสามัคคีในกลุ่ม การใช้ความคิดเห็นเพื่อสร้างความสำเร็จให้กลุ่ม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะแต่ละคนมาจากต่างหน่วยงาน ทำให้มีความรู้จักกัน เกิดความเป็นเพื่อน ซึ่งไม่สามารถหาได้ง่ายๆ ในกิจกรรมทั่วๆไป ก่อให้เกิดความสามัคคี ความผูกพัน
กิจกรรมดังกล่าวสามารถทำได้ตลอดทั้งปี และสามารถรับนักท่องเที่ยวขนาดกลุ่มได้ถึง 100 คนโดยการนอนพักแรมค้างคืน และนักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการที่พักที่เป็นบังกะโลได้ด้วย เนื่องจากมีบังกะโลที่ไม่ไกลจากตัวเมืองพังงา โดยมีระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น
นายประจวบ กล่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่สองแพรกเกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่กิจกรรมาส่วนใหญ่ที่สองแพรกจะเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศมากกว่า โดยมีตลาดหลักๆ คือ รัสเซีย ออสเตรเลีย และยุโรป เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยินดีที่จะรับนักท่องเที่ยวคนไทย แต่นักท่องเที่ยวคนไทยยังไม่ค่อยจะรู้จักสองแพรกและคิดว่ากิจกรรมล่องแก่งจะอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งในส่วนของซีแลนด์เองก็พยายามที่จะส่งเสริมตลาดคนไทยในเรื่องของการล่องแก่งและการกิจกรรมแคมปิ้งให้มากขึ้น และที่ผ่านมาก็มีกลุ่มคนไทยที่เข้ามาทำกิจกรรมแบบแคมปิ้งเข้ามาบ้างเหมือนกัน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่ซีแลนด์ จะเข้ามาใช้บริการในลักษณะเดย์ทัวร์ ซึ่งในช่วงไฮซีซันจะเข้ามาใช้บริการค่อนข้างมาก เฉลี่ยวันละ 200-300 คน เฉลี่ยไปตามบริษัทต่างๆ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมาจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของบริษัทนำเที่ยวที่ต้องจ่ายให้แก่ อบต.สองแพรกคนละ 30 บาท เฉพาะของบริษัทซีแลนด์นั้นประมาณวันละ 60-70 คน ส่วนช่วงโลว์ซีซันนักท่องเที่ยวจะลดลงเหลือเฉลี่ยวันละ 30-40 คน
นายประจวบ กล่าวว่า ในช่วงโลว์ซีซันที่นักท่องเที่ยวลดลง ผู้ประกอบการแข่งขันกันสูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะแข่งขันกันในเรื่องของราคา ในลักษณะของการตัดราคา โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งก็หวังอยากเห็นในระยะยาวทุกคนหันมาแข่งขันกันในเรื่องของคุณภาพ เนื่องจากหากมีคุณภาพจะสามารถยืนต่อไปได้ในระยะยาว เห็นได้จากมีนักท่องเที่ยวออสเตรเลียคนหนึ่งได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่มาเที่ยวแล้วระบุชื่อช้างที่จะนั่งชมธรรมชาติ ดังนั้นจึงเห็นว่าการให้บริการอย่างมีระบบหรือคุณภาพมีสิ่งที่ตามมาอย่างไม่คาดคิด ดังนั้นในส่วนของซีแลนด์ เราจะเน้นเรื่องคุณภาพโดยกำหนดราคาที่สมเหตุสมผลกับการ
“สิ่งที่อยากจะฝากไปถึงผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจ Adventure คือ ให้มีจิตสำนึกในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เริ่มจากตัวของผู้ประกอบการเองที่จะต้องมีความคิดด้านการอนุรักษ์ ซึ่งจะเห็นได้จากน้ำในลำธารที่ไหลลงมาพอเหมาะพอควรตลอดทั้งปี แสดงว่าต้นน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ โดยอยากจะให้มี การปลูกป่า ดูแลธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ไม่ล่าสัตว์ อยากให้ต้องคนช่วยกัน และให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้ตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน และการกระจายรายได้ให้ถึงคนในพื้นที่ อย่างกรณีของซีแลนด์นั้นจะใช้ทีมงานซึ่งเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด”
นายประจวบ ยังกล่าวถึงผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ว่า ขณะนี้ลูกค้าลดลงไปประมาณ 80 % เนื่องจากตลาดหลักเป็นยุโรป เมื่อเกิดปัญหากับยุโรปกลุ่มนักท่องเที่ยวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามแม้ว่านักท่องเที่ยวจะลดลงแต่มาตรฐานและคุณภาพการให้บริการก็ยังเหมือนเดิม ซึ่งบริษัทได้แก้ปัญหาด้วยช่วยกันประหยัด ทำตลาดมากขึ้น และจะต้องรักษาตลาดที่มีอยู่ เพราะนักท่องเที่ยวจะมีส่วนผลักดันนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ ให้เข้ามา จึงต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับอัตราค่าบริการ หากเป็นล่องแก่ง นั่งช้างชมธรรมชาติ และทานอาหาร ราคาหัวละ 3,000 บาท กรณีโอไนท์แคมป์ปิ่ง ซึ่งมีการพักค้างคืนพร้อมด้วยกิจกรรม 2 วัน 1 คืน ราคาหัวละ 4,900 บาท
