พัทลุง – กลุ่มชาวนา อ.บางแก้ว จ.พัทลุง มีแนวคิดจัดตั้งกองทุนชาวนา สนับสนุนงบประมาณโดยเทศบาลตำบลท่ามะเดือ ชักชวนชาวนาทำนามากขึ้นก่อนที่จะไม่ข้าวกิน หลังจากแปรสภาพการทำนา มาเป็นการปลูกยางพารา และปาล์มกันยางพารา เพราะมีความต้องการของตลาดสูง
นายจักรกฤษณ์ สามัคคี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเรียนรู้เกษตรธรรมชาติ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง บอกว่า ชาวนาในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ฯ ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนชาวนา ซึ่งเช่นเดียวกับที่มีการจัดตั้งกองทุนชาวสวนยาง ทั้งนี้โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลตำบลท่ามะเดือ อ.บางแก้ว ในเบื้องต้น จำนวน 60,000 บาท ในชั้นแรกกองทุนชาวนา มีสมาชิกเข้าร่วม จำนวน 13 ราย ที่นาจำนวน 227 ไร่ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 กองทุนชาวนา เพื่อให้ชาวนาที่ยังมีทุนไม่พอเพียงในการทำนา เช่น ค่าไถนา ค่าถอนกล้า ค่าดำนา สามารถกู้ยืมได้โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 1 บาท ต่อเงินกู้ 100 บาทต่อ 1 ฤดูกาล ทั้งนี้เพื่อให้เงินกองทุนชาวนาเกิดดอกผล ขณะนี้กู้ไปแล้ว จำนวน 50,000 บาท ตอนนี้กองทุนชาวนาได้ดอกเบี้ยเป็นผลแล้วจำนวน 500 บาท
นายจักรกฤษณ์ ยังกล่าวอีกว่า กองทุนชาวนาขณะนี้ก้าวหน้าไปมาก สามารถช่วยเหลือสนับสนุนได้ดี ที่เงินชาวนาบางช่วงไม่พอเพียง เช่น การทำนาตรงกับโรงเรียนเปิดเทอม เป็นต้น ขณะนี้กระแสชาวนาเริ่มตื่นตัวกันมาก และยังจะต้องปลุกชาวนาให้ตื่นขึ้นมา ไม่งั้นไม่รู้จะเอาข้าวที่ไหนมากินกัน เดิมนั้น อ.บางแก้ว ทำนาถึง 30,000 ไร่ แต่ขณะนี้เหลือประมาณ 6,000 ไร่ เพราะกระแสของยางพารา และปาล์มมีต้องการของตลาดสูงจนราคาดีในขณะนั้น เลยแปรสภาพการทำนา มาเป็นการปลูกยางพารา และปาล์มกัน
นายจักรกฤษณ์ ยังกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะจังหวัดพัทลุง จะมีการสร้างเครือข่ายชาวนาไปให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยรวมกันหลายๆ กลุ่มแล้วสร้างเป็น เครือข่าย 1 อำเภอต่อหนึ่งเครือข่าย สำหรับการทำนานั้น หากเพื่อบริโภคเอง ปลูกจำนวน 3 ไร่ สามารถบริโภคได้ตลอดทั้งปี และหากเพื่อการค้าขาย ทำนาประมาณ 5 ไร่ ในจำนวน 2 ไว้ขายได้ ข้าวนาปรังให้ผลประมาณ 600 กก./ ไร่
นายจักรกฤษณ์ สามัคคี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเรียนรู้เกษตรธรรมชาติ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง บอกว่า ชาวนาในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ฯ ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนชาวนา ซึ่งเช่นเดียวกับที่มีการจัดตั้งกองทุนชาวสวนยาง ทั้งนี้โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลตำบลท่ามะเดือ อ.บางแก้ว ในเบื้องต้น จำนวน 60,000 บาท ในชั้นแรกกองทุนชาวนา มีสมาชิกเข้าร่วม จำนวน 13 ราย ที่นาจำนวน 227 ไร่ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 กองทุนชาวนา เพื่อให้ชาวนาที่ยังมีทุนไม่พอเพียงในการทำนา เช่น ค่าไถนา ค่าถอนกล้า ค่าดำนา สามารถกู้ยืมได้โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 1 บาท ต่อเงินกู้ 100 บาทต่อ 1 ฤดูกาล ทั้งนี้เพื่อให้เงินกองทุนชาวนาเกิดดอกผล ขณะนี้กู้ไปแล้ว จำนวน 50,000 บาท ตอนนี้กองทุนชาวนาได้ดอกเบี้ยเป็นผลแล้วจำนวน 500 บาท
นายจักรกฤษณ์ ยังกล่าวอีกว่า กองทุนชาวนาขณะนี้ก้าวหน้าไปมาก สามารถช่วยเหลือสนับสนุนได้ดี ที่เงินชาวนาบางช่วงไม่พอเพียง เช่น การทำนาตรงกับโรงเรียนเปิดเทอม เป็นต้น ขณะนี้กระแสชาวนาเริ่มตื่นตัวกันมาก และยังจะต้องปลุกชาวนาให้ตื่นขึ้นมา ไม่งั้นไม่รู้จะเอาข้าวที่ไหนมากินกัน เดิมนั้น อ.บางแก้ว ทำนาถึง 30,000 ไร่ แต่ขณะนี้เหลือประมาณ 6,000 ไร่ เพราะกระแสของยางพารา และปาล์มมีต้องการของตลาดสูงจนราคาดีในขณะนั้น เลยแปรสภาพการทำนา มาเป็นการปลูกยางพารา และปาล์มกัน
นายจักรกฤษณ์ ยังกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะจังหวัดพัทลุง จะมีการสร้างเครือข่ายชาวนาไปให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยรวมกันหลายๆ กลุ่มแล้วสร้างเป็น เครือข่าย 1 อำเภอต่อหนึ่งเครือข่าย สำหรับการทำนานั้น หากเพื่อบริโภคเอง ปลูกจำนวน 3 ไร่ สามารถบริโภคได้ตลอดทั้งปี และหากเพื่อการค้าขาย ทำนาประมาณ 5 ไร่ ในจำนวน 2 ไว้ขายได้ ข้าวนาปรังให้ผลประมาณ 600 กก./ ไร่
