แม่ค้าสารคามโวยจังหวัดเบรกงานแสดงสินค้าวิสาหกิจชุมชน

มหาสารคาม - เจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัดมหาสารคามพร้อม อปพร.รื้อเต้นท์แสดงสินค้า มหกรรมสินค้าวิสาหกิจชุมชน จัดงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากจังหวัด ด้านพ่อค้าแม่ค้าจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว แต่ไม่มีที่ขายของ ขณะที่รองผู้การฯ รุดไกล่เกลี่ยหวั่นเหตุบานปลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม (หลังเก่า) ได้มีกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าจากหลายจังหวัดทั่วประเทศกว่า 100 คน ที่นำสินค้ามาเปิดบูทขายตามโครงการงานมหกรรมสินค้าวิสาหกิจชุมชน(วิสาหกิจแฟร์) ได้มีการโห่ร้องด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.อ.เมืองมหาสารคาม ที่มาคอยรักษาความสงบ และด่าเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ที่จะเข้ามาทำการรื้อเต็นท์ขายสินค้า

เนื่องจากทางจังหวัดไม่ได้มีการอนุญาตให้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นที่เปิดขายสินค้า แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย ทางป้องกันอำเภอเมืองมหาสารคาม ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ยุติการรื้อเต็นท์ไว้ก่อน แต่หากเปิดขายสินค้าจะจับกุมทันที ต่อมา พ.ต.อ.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ รองผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ได้เดินทางมาเจรจาไกลเกลี่ยกับตัวแทนผู้จัดงานแต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้เพราะอำนาจการอนุญาตเป็นของทางจังหวัด

นายณตวรรษ อินทะวงษ์ ผู้ประสานงานโครงข่ายความร่วมมือสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภาคอีสานได้ปราศรัยว่า ได้มีการยื่นหนังสือขออนุญาตต่อทางจังหวัดไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขอเปิดขายตั๋วแต่วันที่ 28 มีนาคม – 2 เมษายนนี้ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เครือข่ายและสนับสนุนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของภาคประชาชน แต่ไม่ทราบว่าทำไมทางจังหวัดจึงไม่ยอมอนุญาตให้เปิดขายทั้งที่พ่อค้า แม่ค้าได้ลงทุนขนสินค้ามาวางจำหน่ายแล้วเสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้

ด้านนางฐิติพร โตทรัพย์ แม่ค้าที่มาเปิดบูธจำหน่ายสินค้า กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรทำไมถึงไม่ได้ขายของ ตนขายแหมนปลากราย ซึ่งเป็นของสด ลงทุนตีรถมา รวมค่าของเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท ซึ่งหากไม่ให้จัดก็คงต้องขนของกลับ แต่อยากฝากถึงผู้จัดงานว่า ไปฝ่าฝืนเค้า หรือไม่ถูกต้อง ก็ควรที่จะแจ้งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทราบ

ส่วนหนึ่งก็เข้าใจจังหวัดว่าอาจจะมีเหตุผลที่ไม่ให้เราขายของ ซึ่งอยู่ที่เจ้าของงานมากกว่าไม่น่าโกหกกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า การจัดงานมหกรรมสินค้าวิสาหกิจชุมชน ครั้งนี้ดำเนินการโดยบุคคลกลุ่มหนึ่งโดยมีการเรียกผลประโยชน์ค่าเช่าบูทจากพ่อค้าล็อกละ 3,000 บาท ซึ่งมีอยู่ถึง 300 ล็อก และเรียกเก็บค่ามัดจำไปแล้วรายละ 2 พันบาท