สสว. เผยผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ฉุดยอดขายโอทอป เอสเอ็มอี ที่ร่วมโครงการGlobal Logistics โดยเฉพาะร้าน 100 เยน ในปี 2551 ยอดขายหายไปกว่า 200 ล้านบาท และเพื่อช่วยผู้ประกอบการ ล่าสุด ทาง สสว.เดินหน้าสานต่อโครงการ เพื่อหาช่องทางตลาดใหม่ ด้วยการจับมือกับ บริษัทนารายณ์ภัณฑ์ นำสินค้าหัตถกรรมจังหวัดเชียงใหม่มาวางจำหน่าย และเตรียมอัดงบกว่า 100 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีวิสาหกิจชุมชน
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากการที่สสว.ได้ดำเนินโครงการประสานการจัดซื้อและจัดจำหน่ายสินค้าไทยสู่สากล (Global Logistics and Sourcing Center in Thailand) ตั้งแต่ปี 2549 โดยโครงการดังกล่าว เป็นลักษณะของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการหาช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน โอทอป และเอสเอ็มอี ในการขยายตลาดไปต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทำข้อตกลงร่วมกับ บริษัท Daiso Industries จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น บริษัท Joalife จำกัด จากประเทศเกาหลีใต้ และบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด
ทั้งนี้ จากความสำเร็จของ โครงการดังกล่าวในการช่วยหาแหล่งจำหน่ายสินค้า ให้กับผู้ประกอบ โอทอป เอสเอ็มอี ล่าสุด ในปี 2552 ทางสสว. จึงได้ประสานต่อโครงการ โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สสว. กับ บริษัทนารายณ์ภัณฑ์ จำกัด ขึ้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน โอทอป และเอสเอ็มอี ในกลุ่มหัตถกรรมไทย ซึ่งกลุ่มหลักที่จะนำสินค้ามาขายในนารายภัณฑ์ในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มสินค้าหัตถกรรมจังหวัดเชียงใหม่
สำหรับในส่วนของผลประกอบการรายได้ ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ในส่วนของบริษัท Daiso Industries ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำของประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ยอดขายในปี 2551 มียอดขายลดลงไปมาก โดยในปี 2549 ช่วงเริ่มต้น ยอดขายสินค้าผู้ประกอบการส่งขายให้กับ บริษัท Daiso Industries อยู่ที่ 45 ล้านบาท ต่อมาในปี 2550 ยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอยู่ที่ 270 ล้านบาท และล่าสุดในปี 2551 ยอดขายลดลงอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 40 ล้านบาท สาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น เอง และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสสว. มีแผนที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น โดยพยายามหาตลาดใหม่ อย่างการร่วมมือกับ บริษัทนารายณ์ภัณฑ์ในครั้งนี้ หรือ การเข้าไปช่วยดูแลเรื่อง ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตามแผนยุทธศาสตร์ที่สสว. กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งในปีนี้ ทางสสว.เองได้งบในการเข้าไปให้การช่วยเหลือในกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เป็นวิสาหกิจชุมชน สูงถึงเกือบ 100 ล้านบาท
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากการที่สสว.ได้ดำเนินโครงการประสานการจัดซื้อและจัดจำหน่ายสินค้าไทยสู่สากล (Global Logistics and Sourcing Center in Thailand) ตั้งแต่ปี 2549 โดยโครงการดังกล่าว เป็นลักษณะของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการหาช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน โอทอป และเอสเอ็มอี ในการขยายตลาดไปต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทำข้อตกลงร่วมกับ บริษัท Daiso Industries จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น บริษัท Joalife จำกัด จากประเทศเกาหลีใต้ และบริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด
ทั้งนี้ จากความสำเร็จของ โครงการดังกล่าวในการช่วยหาแหล่งจำหน่ายสินค้า ให้กับผู้ประกอบ โอทอป เอสเอ็มอี ล่าสุด ในปี 2552 ทางสสว. จึงได้ประสานต่อโครงการ โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สสว. กับ บริษัทนารายณ์ภัณฑ์ จำกัด ขึ้น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน โอทอป และเอสเอ็มอี ในกลุ่มหัตถกรรมไทย ซึ่งกลุ่มหลักที่จะนำสินค้ามาขายในนารายภัณฑ์ในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มสินค้าหัตถกรรมจังหวัดเชียงใหม่
สำหรับในส่วนของผลประกอบการรายได้ ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ในส่วนของบริษัท Daiso Industries ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำของประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ยอดขายในปี 2551 มียอดขายลดลงไปมาก โดยในปี 2549 ช่วงเริ่มต้น ยอดขายสินค้าผู้ประกอบการส่งขายให้กับ บริษัท Daiso Industries อยู่ที่ 45 ล้านบาท ต่อมาในปี 2550 ยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอยู่ที่ 270 ล้านบาท และล่าสุดในปี 2551 ยอดขายลดลงอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 40 ล้านบาท สาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น เอง และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสสว. มีแผนที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น โดยพยายามหาตลาดใหม่ อย่างการร่วมมือกับ บริษัทนารายณ์ภัณฑ์ในครั้งนี้ หรือ การเข้าไปช่วยดูแลเรื่อง ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตามแผนยุทธศาสตร์ที่สสว. กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งในปีนี้ ทางสสว.เองได้งบในการเข้าไปให้การช่วยเหลือในกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เป็นวิสาหกิจชุมชน สูงถึงเกือบ 100 ล้านบาท
